"ไทยไม่ทน"ผุดแคมเปญซักฟอกนอกสภาฯยกมือทั่วประเทศไล่นายกฯ

21 สิงหาคม 2564 นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก แนวร่วม นปช. กล่าวถึงแนวทางการทำงานของกลุ่ม ใครไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ว่า จากนี้เป็นต้นไปรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถือว่าล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า ไร้คุณธรรม ไร้ปัญญา ในการบริหารประเทศ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนต้องทุกข์ยากลำบาก เศรษฐกิจล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนขององค์กรต่างๆ ทั้งนักศึกษาและองค์กรอื่น เดินไปในทิศทางเดียวกัน คือ เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก โดยน่าจะมีประเด็นสำคัญ คือ การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่กระทำต่อกลุ่มชุมนุม ขัดต่อหลักปฏิบัติการแบบสากลที่ตำรวจนำมาอ้างจนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ขณะที่ นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง นปช. กล่าวถึงการยื่นหนังสือออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้พิจารณา และมีคำตอบต่อสังคม เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การปฏิบัติการโดยเฉพาะการสลายการชุมนุม หลังยุติกิจกรรมคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นการปฏิบัติการเกินกว่าเหตุหรือไม่

ทั้งนี้ แต่ในสถานการณ์การชุมนุมต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมเกิดข้อกังขาต่อสังคม โดยขั้นตอนการเข้าระงับการชุมนุม ตามหลักสากลใน 3 ขั้นตอน ทั้งฉีดน้ำผ่านรถน้ำแรงดันสูง หรือ จีโน่ ซึ่งถูกออกแบบมา โดยยึดพฤติกรรมความรุนแรง ซึ่งมีข้อห้ามห้ามฉีดโดยตรงไปยังผู้ชุมนุม  และหลังจากนั้นหากไม่สามารถหยุดยั้งความรุนแรงได้ ในลำดับต่อไปจึงจะใช้แก๊สน้ำตา โดยต้องยิงในลักษณะวิถีโค้ง

ขณะเดียวกัน ขั้นตอนสุดท้ายหากไม่สามารถระงับเหตุได้ จึงจะใช้การยิงด้วยกระสุนยาง โดยต้องยิงต่ำกว่าระดับเอวลงไป ถือเป็นหลักสากลตามมาตรฐาน โดยระหว่างการแถลงข่าวได้มีการเปิดคลิปวีดีโอ การปฏิบัติการขอเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. พร้อมกับตั้งคำถามไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่าได้ปฏิบัติตามหลักสากลหรือไม่ หลังคลิปดังกล่าวปรากฏภาพการยิงประชาชนด้วยกระสุนยางในระยะประชิด ดังนั้น ขอประณามเจ้าหน้าที่ที่ทำเกินกว่าเหตุ ลุแก่อำนาจ ใช้โทสะในการปฏิบัติงาน

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามถึงผบ.ตร. ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หากยังไม่ดูดำดูดี จะถึงว่าเป็นใจให้เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ

ด้าน นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ อดีตโฆษก นปช. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่ใช่ศัตรูกับประชาชน แต่ประชาชนเป็นศัตรูกับเผด็จการ ซึ่งหัวใจ คือ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่เจ้าหน้าที่คอยปฏิบัติตนเข้าใจว่า ทำตามหน้าที่ แต่การทำตามหน้าที่นั้นอาจจะรุนแรงเกินไป จากการปฏิบัติโดยทั่วไป เพราะประชาชนคือผู้จ่ายภาษี เจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการเป็นข้าของประชาชน หากเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระหนักถึงเรื่องนี้ ไม่สามารถจะยิงประชาชนได้เลย เพราะภาษีเงินเดือนได้จากประชาชน

นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดทำร้ายประชาชน ไม่ใช่ปี 2553 ที่จะเข่นฆ่าประชาชน ลอยหน้าลอยตาอยู่ในอำนาจได้ต่อไป พร้อมมองว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป ยิ่งอยู่นานจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ถึงเรียกร้องให้คนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก พร้อมกับขอร้องไปยังฝ่ายความมั่นคง ขอให้หยุดทำร้ายประชาชน ขอให้มองประชาชนเป็นเจ้านาย

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถยุบสภาฯ ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ สิ่งเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองสงบได้ จะต้องไม่ยกมือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯต่อไป และอยากเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโควิด เศรษฐกิจ และรัฐธรรมนูญ ซึ่งหัวใจของเผด็จการ คือ พล.อ.ประยุทธ์ หากออกไปจะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้

ด้าน นายไทกร พลสุวรรณ มองว่า เป็นรัฐบาลล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ไม่สามารถคาดการณ์ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งประเทศได้ เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมไปถึงไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นบทสะท้อนว่าการเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในรัฐสภาได้ ประชาชนจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเทศในเอง โดยจะรอดูว่าพรรคร่วมรัฐบาล จะร่วมกันรับผิดชอบอย่างไรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น

ขณะที่ ไทยไม่ทนจึงได้มีโครงการอภิปรายนอกสภา ไม่ไว้วางใจ ยกมือขึ้นทั่วประเทศ โดยให้เตรียมการเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังที่ทำการ หรือบ้านพักของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่กรุงเทพฯจะเคลื่อนไปยังพรรคพลังประชารัฐ เพื่อถามหาความรับผิดชอบ ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ หากมีจิตสำนึกการทำงานเพื่อประชาชน โดยจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้า และดำเนินการไปจนกว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ