รองหัวหน้าหน่วยงานรับมือโควิด-19 ของเมือง กล่าวในวันนี้ว่า “เรากำลังขอให้ประชาชนอยู่ในที่ของพวกเขา ไม่ออกไปข้างนอก บ้าน บริษัท และโรงงานแต่ละแห่ง ควรเป็นป้อมปราการป้องกันไวรัส" และการจำกัดการเดินทางจะช่วยลดการติดเชื้อ ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการร้ายแรง
ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีฟาม มินห์ จินห์ ประชุมออนไลน์ เรื่องการควบคุมการแพร่ระบาด ใน นครโฮจิมินห์เมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยบอกว่าจะใช้มาตรการเข้มงวดสูงสุดเริ่มตั้งแต่วันจันทร์หน้า และขอให้ทุกคนอยู่บ้าน พร้อมทั้งสั่งให้ทางเมืองแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน
โดยเขตสีเขียวปลอดการระบาด เขตสีเหลืองเป็นเขตเสี่ยงสูง และเขตสีแดงเป็นเขตเสี่ยงสูงสุด มาตรการนี้จะมุ่งเน้นขยายเขตสีเขียวให้มากขึ้น และเพื่อแยกและลดเขตสีเหลืองและสีแดงให้น้อยลง นอกจากนี้ รัฐบาลจะส่งตำรวจและทหารเข้าควบคุมการล็อกดาวน์และจัดส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นให้กับชาวบ้าน
เวียดนาม จำเป็นต้องยกระดับมาตรการเข้มงวดสูงสุดในนครโฮจิมินห์ หลังจากยังคงมีจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แม้บังคับใช้ใช้มาตรการล็อกดาวน์มานานหลายสัปดาห์เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวในเมืองที่มีประชากรอาศัยราว 9 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางการระบาดของประเทศ
เวียดนาม เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียงไม่ถึง 3,000 คนและผู้เสียชีวิตสะสมเพียง 35 คนเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 แต่จนถึงขณะนี้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเกินกว่า 312,000 คนและผู้เสียชีวิตสะสม 7,150 ราย ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อ และอีก 80% ของผู้เสียชีวิตอยู่ในนครโฮจิมินห์
ขณะที่ประชาชนในโฮจิมินห์กว่าครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่อัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศอยู่ในระดับต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย