เอสซีจี แนะธุรกิจปรับตัวรูปแบบ Now Normal โควิด-19 อยู่ไปอีกนาน
โควิด-19 แพร่ระบาด และอยู่กับโลกไปอีกนาน เอสซีจี แนะปรับตัวให้ไว และอยู่ให้ได้ในปัจจุบัน เปลี่ยน New Normal เป็น Now Normal เน้น 5 เทรนด์ ใช้นวัตกรรมเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ
20 สิงหาคม 2564 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยผ่านสัมมนาออนไลน์ Thailand Next episode 1 : Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ ในวาระครบรอบ 50 ปี เครือเนชั่น
“ตอนนี้ประชาชนที่เฝ้ามองสถานการณ์ ติดตามข่าว ภาคเอกชนสนใจเรื่องโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องของเดลต้า คำถาม คือ เมื่อไรจะจบ เมื่อไรจะถึงจุดพีค สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างหนัก ในอาเชียน ประเทศเราเองเจอเรคคอร์ดของคนติดเชื้อทุกวัน คำถามที่บอกว่าเมื่อไรจะหมด เมื่อไรโควิดจะพีค ความหมายคือ โรคนี้จะหายไหมหลายคน ผู้เชี่ยวชาญมาตั้งคำถาม โรคระบาดครั้งนี้เราจะต้องอยู่กับมัน"
เกือบ 2 ปี ที่โควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก ในประเทศไทยเองในช่วงปลายปีที่แล้วก็มีความหวัง เพราะเริ่มมีวัคซีน ตัวเลขการติดของทั่วโลกก็ลดน้อยลง แต่การระบาดของเดลต้าก็ดึงเข้าสู่คลื่นที่หนักอีก ที่มีนิยามศัพท์มาใช้กันในยุคโควิด-19 คำว่า “วิถีปกติใหม่” หรือ New Normal และการรออนาคตว่าโควิด-19 จะจบจะหายไป จะยิ่งทำให้ทุกอย่างทั้งเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตดิ่งลง สิ่งที่จำเป็น คือ “ตอนนี้” เราจะอยู่กับสถานการณ์นี้อย่างไร “Now Normal” หรือเรียกว่า “การที่ต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้”
“เรื่องการฉีดวัคซีนเราทำต่อ เพื่อเป็นการป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรง แต่ไม่สามารถป้องกันการระบาดได้ เรื่องของการเว้นระยะห่างยังคงต้องมี การสวมใส่มาส์กจำเป็นต้องมี Home Isolation ก็จำเป็นต้องมีอยู่ เพราะการติดเชื้อ การที่เราฉีดวัคซีนได้มากขึ้น เรารักษาอาการคนเจ็บป่วยได้ จำนวนคนเสียชีวิตก็ลดลง ผมคิดว่า เรื่องนี้สำคัญ
ในภาคของธุรกิจเอง ที่เราเรียกว่า New Normal จะมีไหม ผมไม่แน่ใจแล้ว สิ่งทีเห็นแน่ๆ คือ Now Normal คือวันนี้แหละ ยกตัวอย่างในภาคธุรกิจการทำ อยากการทำ "บับเบิล แอนด์ ซีล" พูดตามตรงไม่ง่าย แต่ "บับเบิล แอนด์ ซีล" มันอาจจะกลายเป็น Now Normal เป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมันไปเรื่อย"
"ในแง่ของธุรกิจพอเป็น Now Normal ต้องเอานวัตกรรมมาใช้ ทำให้มันรวดเร็วขึ้น และเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า เพื่อใช้ในการเทรน การอินสเปค ภาคธุรกิจต้องปรับตัว แม้กระทั่งภาคบริการ หรือดีเทลเอง เราได้เห็นอีคอมเมิร์ซ การทำฟู้ดเดลิเวอรี หรืออีเพย์เมนต์ ซึ่งเราเริ่มค้นชินแล้ว จะไม่กลับไปแบบเดิม
ผมว่าในทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ พวกเรารู้จักที่จะปรับตัว คนที่ปรับตัวคือคนที่อยู่รอดได้ การที่จะเป็น Now Normal คือเรื่อง อินโนเวชัน จะเป็นโลกของเราในยุคต่อไป"
5 เทรน ที่ธุรกิจจำเป็นต้องมี ใน Now Normal
1.การนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง หรือปรับใช้กับธุรกิจ นำดิจิทัลมาให้บริการ และต้องมีการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ทำออโตเมชัน ไม่ใช่การพัฒนาทางโรงงานอย่างเดียว แต่ทำแบบดิจิทัลทูทวิน การพัฒนาโมเดลเหมือนเป็นคู่แฝด จะเหมาะกับกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ที่เรียกกันว่า 24 คูณ 7
2. การนำนวัตกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต คือ Well being เช่น ทำอย่างไรให้อยู่บ้านเล้วสบาย เพราะตอนนี้หลายคนอยู่บ้านแล้วทำงานด้วย จนเป็นเทรนด์ “ไฮบริด เวิร์กเพลส” จัดพื้นที่อย่างไรให้เป็นที่อยู่อาศัยและทำงานได้ คุณภาพการใช้ชีวิตดี เช่น ระบบการระบายอากาศ ห้องน้ำ การนำระบบอัจฉริยะมาใช้ควบคุมสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน การทำงาน
3. “Health Care” จำเป็นยิ่งที่ต้องนำนวัตกรรมมาใช้ การให้บริการเรื่องของสุขภาพต้องคิดใหม่ ตอนนี้ไม่ใช่แคการรักษาอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันมีเรื่องของการป้องกันและให้มีสุขภาพดีด้วย ตัวอย่างของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ปรับตัวได้ไว คือ เทคโนโลยี mRNA โดยโรคโควิดได้ช่วยลดเรื่องระยะเวลาในการพัฒนา รวมถึงการทดลองใช้ จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 10-15 ปี แต่ปัจจุบันใช้เวลา 1-2 ปีก็สามารถเห็นผลได้จริง
4.การทำเกษตรสมัยใหม่ หรือ การเกษตรแบบปราณีต มองเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ ผลจากแรงงานอุตสาหกรรมหลั่งไหลสู่ภาคการเกษตร การนำเทคโนโลยีไปใช้ในการทำงาน จะช่วยเรื่องการเพาะ การปลูก การเก็บเกี่ยว ตรงนี้จะทำให้บ้านเราพัฒนาได้ไกล เน้นผลลัพธ์มากกว่าปริมาณ และตรงตามความต้องการของตลาดด้วย และเป็นจุดที่สำคัญในแง่ของ “ฟู้ด เชน” (Food Chain)
5. เทรนด์ของสิ่งแวดล้อม Environment Social Government
E : สิ่งแวดล้อม “ทุกคนสนใจในกระแสนี้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องทำตัวเองให้สะอาด ต้องมีแผนเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดให้ได้ในปี 2050 สักอีก 30 ปีข้างหน้าให้เหลือศูนย์ ยุโรปเริ่มแล้ว สหรัฐอเมริกาจะตามมา หนีไม่พ้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดใหญ่ ต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้เข้าสู่การใช้พลังงานสะอาด”
S : Social หรือภาคสังคม จากโควิดทำให้เห็นภาพชัดของความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชนระดับล่างและระดับกลางมากขึ้น ภาคธุรกิจจะต้องเข้ามามีส่วนช่วยลดช่องว่างดังกล่าว
G : Government “การบริหารจัดการองค์กร พนักงาน และซัพพายเชนที่เกี่ยวข้อง คนรุ่นใหม่เข้ามาแทนคนรุ่นเก่า โดยจะต้องทำอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้ ในขณะเดียวกันมีการพูดถึงเศรษฐกิจหมุนเวียน การบริหารจัดการของเสีย การรีไซเคิล เรื่องเหล่านี้สำคัญมาก”
“ESG เป็น Now Normal แน่นอนของภาคธุรกิจ ของสังคมแน่นอน สรุปสายพันธุ์เดลตา ทำให้โควิดอยู่กับเราไปอีกนาน New Normal เราพูดกันมาปีกว่า มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้ คือ Now Normal เราต้องอยู่ให้ได้ การปรับตัวต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง การเอาเทคโนโลยี การเอานวัตกรรมมาใช้ ต่อไปการคุยถึงเรื่องอินโนเวชัน ต้องบคุยถึงสเต็ปต่อไปเสมอ ต้องเป็นธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็ว ต้องสามารถสร้างโอกาสในภาวะวิกฤตที่เผชิญอยู่ให้ได้”