กมธ.ตั้งคณะทำงานสืบหาความจริงเหตุรุนแรงสลายม็อบ

18 สิงหาคม 2564 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมของ กมธ. ภายหลังได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยมีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธาน และได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับการชุมนุมทางการเมืองที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยยืนยัน กมธ. ไม่นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ดังกล่าว มีข้อสังเกตว่าหลังจากประกาศยุติการชุมนุมแล้ว จะต้องมีความรุนแรงเกิดขึ้นตามมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะมาจากเจ้าหน้าที่ หรือกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน แต่เพียงต้องหาทางนำความจริง มาเปิดเผยต่อประชาชน วันนี้ (18ส.ค.) กมธ. จึงได้มีมติตั้งคณะทำงานเพิ่มมาอีกหนึ่งชุด คือ คณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริงกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมือง โดยมี รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานคณะทำงาน

นอกจากนี้ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผศ.สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายตะวัน พงศ์แพทย์ นายสิปปกร ถิรตันติ ทีมพรรคก้าวไกล และ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ อดีตผู้สื่อข่าว เป็นเลขานุการคณะทำงาน 
 

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (18ส.ค.) ทาง กมธ. ยังได้รับหนังสือจากนายอดิศร โพธิ์อ่าน ตัวแทนประชาชนชาวดินแดง ที่ได้นำข้อมูลที่เป็นภาพและคลิปความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาเปิดเผย รวมทั้งรายชื่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น กว่า 300 รายชื่อ และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอีกบางส่วนมาให้ กมธ.

อย่างไรก็ตาม ซึ่งทาง กมธ. จะพยามสืบหาข้อเท็จจริงโดยด่วน พร้อมทั้งยังแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่มีความรุนแรงทุกครั้ง  

นายณัฐชา กล่าวด้วยว่า ตนมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) รายหนึ่ง โดยได้มีการเปิดเผยในทางลับว่า เจ้าหน้าที่ในกลุ่มที่เข้ามาสลายการชุมนุมนั้น มองสนามของการสลายการชุมนุมเป็นสนามการซ้อม ใครอยากยิงเท่าไหร่ ยิงได้เลยเต็มที่ เพราะในเวลาซ้อมถูกซ้อมแบบจำกัดกระสุน ดังนั้น จึงอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำการควบคุมฝูงชน ขอให้คำนึงถึงข้อเรียกร้องเยาวชน เพราะข้อเรียกร้องเหล่านั้นกระทบต่อประชาชนทุกคน