โกลบัล ไทม์ส สื่อในความควบคุมของรัฐบาลจีน ที่สื่อตะวันตกเปรียบเปรยว่าเป็น "อวัยวะ" ของพรรคคอมมิวนิสต์ (CCP) ได้พาดหัวว่า "ชัยชนะอันรวดเร็วของตาลีบัน สร้างความกระอักกระอ่วนให้สหรัฐฯ ทำลายภาพลักษณ์และความโอหัง" ส่วนในบทบรรณาธิการได้เปรียบเทียบพันธกิจของ สหรัฐฯ ใน อัฟกานิสถาน กับพันธกิจที่มีต่อ ไต้หวัน พร้อมกับสรุปว่าถ้าสหรัฐฯ ทอดทิ้งอัฟกานิสถาน รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของ ไต้หวัน ที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชก็ควร "ตื่น" จากความฝันได้แล้ว จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานก็ควรตระหนักได้แล้วว่า ถ้าเกิดสงครามในช่องแคบไต้หวัน การป้องกันของเกาะจะพังทลายลงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และกองทัพสหรัฐฯ ก็จะไม่เข้ามาช่วย และทางการ DPP ก็จะยอมแพ้อย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนก็อาจขึ้นเครื่องบินหนีไป
จีนมองไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งที่แข็งข้อ ที่จะต้องถูกรวมเข้าเป็น "จีนเดียว" ในวันหนึ่งวันใดข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่อาจต้องใช้กำลังถ้า "จำเป็น" ส่วนสหรัฐฯ ก็ยึดพันธกิจตามกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน ปี ค.ศ. 1979 (1979 Taiwan Relations Act) เพื่อคุ้มครอง "เกาะประชาธิปไตย" แห่งนี้ จากการรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุ และให้ความช่วยเหลือทางทหารเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว พลเรือเอกฟิลิป เดวิดสัน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก แถลงต่อกรรมาธิการวุฒิสภาว่า ภัยคุกคามของจีนต่อไต้หวันอาจ "ปรากฏชัดในช่วงทศวรรษนี้ หรืออันที่จริงคือในอีก 6 ปีข้างหน้า"
กระบอกเสียงของทางการจีนยังเตือนแบบเสียดสีด้วยว่า การเข้าแทรกแซงของกองทัพสหรัฐฯ ที่ช่องแคบไต้หวัน จะต้องแน่วแน่กว่าที่ทำในอัฟกานิสถานหรือเวียดนาม ไม่อย่างนั้นแล้วสหรัฐฯ จะต้องสูญเสียอีกมหาศาล และทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า "สหรัฐฯ จะเอาชีวิตทหารไปทิ้งอีกเท่าไหร่ จะยอมทุ่มเงินอีกเท่าไหร่ เพื่อเกาะไต้หวัน?"