เกือบ 20 ปี ที่ สหรัฐฯ เข้าไปปฏิบัติการทางทหารใน อัฟกานิสถาน โดยมีชนวนเหตุเพียงแค่ ตาลีบัน ไม่ยอมส่ง โอซามา บินลาเดน ผู้นำอัล ไกดา ที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นจอมบงการ เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน จนนำไปสู่การติดหล่มยาวนาน และเสียงบประมาณมากถึง 83,000 ล้านดอลลาร์ ไปกับการ "สร้างและฝึก" กองทัพอัฟกัน แต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว เพราะสิ่งที่สหรัฐฯ ลงทุนไป ได้ไปตกอยู่ในมือตาลีบัน
อาวุธ ที่สหรัฐฯ สนับสนุน กองทัพอัฟกัน ราวกับอยู่ในโชว์รูมให้ ตาลีบัน หยิบไปลองใช้ และในบางเคสพวกมันถูกใช้ในการสังหารคนที่เคยทำงานให้สหรัฐฯ เช่น ล่าม หรือสายแจ้งข่าว การกลับมาของตาลีบันในครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้แค่อำนาจทางการเมือง แต่ยังได้ยุทโธปกรณ์ที่ทรงอำนาจของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปืน กระสุน รถหุ้มเกราะ เฮลิคอปเตอร์หรือแม้กระทั่งเสื้อเกราะที่ทหารสหรัฐฯ ถอดทิ้งไว้ที่สนามบิน
ก่อนที่ ตาลีบัน จะบุกเข้าเมืองหลวง พวกเขาก็เก็บเกี่ยวอาวุธสมัยใหม่ได้เรื่อยๆ จาก ทหารอัฟกัน ที่ยอมยกธงขาวอย่างง่ายดาย รวมทั้งเครื่องบินรบที่ต่อให้ขับไม่เป็น ก็ยังถือว่าเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ของชัยชนะในสงคราม เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า ตาลีบัน กวาดยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐฯ ขนไปให้ ทหารอัฟกัน ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวอันน่าอัปยศทั้งของ กองทัพ และ หน่วยข่าวกรอง ที่ใช้เวลาถึง 2 ทศวรรษ กับงบประมาณจำนวนมากเพื่อปรับปรุง กองทัพอัฟกัน แต่ผลที่ได้คือ พวกเขายอมแพ้อย่างง่ายดายแทนที่จะสู้ ทั้งที่อาวุธก็ทันสมัยกว่าหลายเท่า เรื่องนี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องกลับไปวิเคราะห์ถึงสาเหตุ ซึ่งนักวิชาการบางคนบอกว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะความเป็นผู้นำและปัจจัยด้านขวัญและกำลังใจ และที่สำคัญคือ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะประเมินค่าตาลีบันต่ำเกินไป นั่นเอง