หลังจากที่ กลุ่มนักรบตาลีบัน เข้ายึดครอง กรุงคาบูล เมืองหลวงของ อัฟกานิสถาน ได้อย่างรวดเร็วและไร้การต่อสู้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 ส.ค.2564) สิ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงคืออะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอัฟกานิสถาน ความสงบจะกลับคืนมาหรือไม่ ความหวั่นไหวสะท้อนชัดจากจำนวนผู้คนที่ไหลทะลักไปยังสนามบินนานาชาติในกรุงคาบูลเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.2564) เพื่อจับเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายอพยพหนีออกนอกประเทศ เกิดเป็นภาพของความโกลาหลที่น่าตกใจและเศร้าสลดใจในเวลาเดียวกัน
นานาประเทศต่างแสดงความห่วงกังวล แต่ขณะเดียวกันก็ได้เห็นความพยายามของหลายประเทศที่ต้องการเห็นการเดินหน้าของประเทศอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของตาลีบัน ที่เมื่อวานนี้ประกาศชัดแล้วว่า พวกเขาปรารถนายุติสงคราม
"กูเตอร์เรส" เรียกร้อง UNSC สกัดภัยคุกคามจากการก่อการร้าย
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวเรียกร้อง ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อสกัดภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่มีต้นตอจากอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ นายกูเตอร์เรส ยังเรียกร้องให้อัฟกานิสถานยังคงให้ความสำคัญต่อการพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หลังจากที่กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองประเทศ
"เราได้รับรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศ และผมมีความวิตกโดยเฉพาะการละเมิดสิทธิต่อเด็กหญิงและสตรีในอัฟกานิสถาน โดยเราไม่สามารถทอดทิ้งชาวอัฟกัน" นายกูเตอร์เรสกล่าว
สหรัฐฯย้ำชัด “อย่าละเมิดสิทธิมนุษยชน”
รายงานข่าวล่าสุด ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวจากทำเนียบขาว ว่า สหรัฐฯ ยึดมั่นต่อการตัดสินใจถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถาน เพราะเขาไม่ต้องการส่งบุตรชายและบุตรสาวของชาวอเมริกันเข้าไปที่อัฟกานิสถานอีก และไม่ต้องการให้ลูกหลานอเมริกันต้องเสียชีวิตที่อัฟกานิสถานมากไปกว่านี้
“หลังจากที่สหรัฐมีส่วนร่วมในสงครามอัฟกานิสถานมาแล้ว 20 ปี ไม่มีเวลาไหนที่ถูกต้องไปกว่านี้อีกแล้ว ในการถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน”
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า ทหารอเมริกันไม่ควรต่อสู้และพลีชีพในสงครามที่ทหารอัฟกันเอง ไม่คิดจะต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง สหรัฐสูญเสียไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในสงครามอัฟกานิสถาน และเสียทหารไปถึง 2,420 นาย
แต่สิ่งที่เขาห่วงใยก็คือ ประเด็นสิทธิมนุษยชน แม้ว่าสหรัฐจะไม่กลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถานอีกแล้ว แต่ก็จะให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนต่อไป
รัสเซียชี้ชาวอัฟกันไม่มีเหตุผลต้องอพยพหนีตาลีบัน
นายดมิทรี เซอร์นอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอัฟกานิสถาน กล่าวว่า ชาวอัฟกันไม่มีเหตุผลที่จะต้องเดินทางออกจากประเทศเพราะความกลัวกลุ่มตาลีบัน
ทางฝ่ายฑูตรัสเซียระบุว่า ความกลัวดังกล่าวออกจะเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล เนื่องจากตาลีบันบอกผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานกับชาติตะวันตกว่าไม่ต้องเดินทางออกไป เพราะตาลีบันพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพวกเขา
"ภาพที่เห็นว่ามีคนแห่กันไปที่สนามบิน ไม่ได้หมายความว่าชาวอัฟกันทั้งหมดต้องการที่จะหลบหนีออกจากประเทศ" นายเซอร์นอฟกล่าว
ทาง สำนักข่าว RIA ของรัสเซีย ยังรายงานโดยอ้างอิงสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงคาบูลระบุว่า นายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ได้หลบหนีออกจากประเทศพร้อมกับขนเงินใส่ในรถยนต์จนเต็มคันรถ 4 คัน และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ เงินบางส่วนจำเป็นต้องทิ้งไว้บนรันเวย์ของสนามบิน เนื่องจากไม่สามารถขนเงินทั้งหมดออกจากประเทศได้
จีนย้ำ..เคารพการตัดสินใจของชาวอัฟกัน
นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยว่า จีนเคารพการตัดสินใจของชาวอัฟกานิสถาน และหวังว่าสถานการณ์ในอัฟกานิสถานจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างราบรื่น
ยังมีกระแสข่าวอีกว่า ทางโฆษกกลุ่มตาลีบันได้ประกาศว่า สงครามในอัฟกานิสถานได้ยุติลงแล้ว และต่อไปจะมีการประกาศสถาปนา "เอมิเรตอิสลามแห่งอัฟกานิสถาน (Islamic Emirate of Afghanistan)" ในเร็วๆ นี้ โดยกลุ่มตาลีบันจะรักษาความปลอดภัยให้พลเมืองชาวอัฟกานิสถาน คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มตาลีบันสามารถเข้ายึดครองทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงค
ขณะที่รายการงานล่าสุดจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ที่ผ่านมา มีประชากรมากกว่า 550,000 คนที่อพยพหนีภัยสงครามในอัฟกานิสถาน โดยตัวเลขผู้อพยพ แค่เฉพาะช่วงเวลาต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีประชากรอัฟกานิสถานราว ๆ 126,000 คนต้องไร้ที่อยู่ นับตั้งแต่กองกำลังสหรัฐประกาศถอนกำลังออก