ผวาเกรงเชื้อลาม กลุ่มเปราะบางฉีดวัคซีนที่ รร.เพชรฯติดเชื้อ

16 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเมืองเพชรบูรณ์กลับมาหวาดผวาและตื่นตระหนกอีกครั้ง กับกระแสข่าวมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางราว 6,000 คน ที่เดินทางไปฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่หอประชุมโรงเรียนเพชรพิทยาคม อ.เมืองฯเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยกระแสข่าวที่ทำให้เกิดความหวั่นไหวระบุว่า "ท่าพลพบเพิ่ม 10 คน อสม.ตรวจแล้ว พบกลุ่มนี้ไปฉีดวัคซีน รร.เพชรบูรณ์" จนทำให้ผู้คนต่างพากันตรวจสอบและเช็คข่าวกันวุ่น เนื่องจากวิตกว่าพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่อายุมากและเป็นกลุ่มเปราะบางที่พาไปฉีดวัคซีนวันดังกล่าวติดเชื้อด้วยหรือไม่ ทำให้บางรายเกิดความวิตดกังวลจนเริ่มจิตตก เพราะรับไม่ได้หากเกิดความสูญเสียขึ้นมาเนื่องจากเป็นคนนำพาบุพการีไปยังฉีดวัคซีนดังกล่าว

นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กล่าวชี้แจงว่า ขอให้ประชาชนอย่าได้หวั่นไหวกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งจากได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ผู้ติดเชื้อเป็นผู้ที่ขับรถไปส่งผู้มาฉีดซีนจากทีมสอบสวนโรคล่าสุดแจ้งว่ามีเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งผู้ขับรถเพิ่งเข้ารับการตรวจกับภรรยา โดยผลตรวจยืนยันเมื่อค่ำวานนี้(15ส.ค.) โดยพบเป็นบวก ขณะนี้ถูกแยกกักตัวเพื่อรักษาแล้ว ส่วนกลุ่มคนใกล้ชิดซึ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงราว 20 คนถูกแยกกักตัวเรียบร้อย และจำทำการตรวจหาเชื้อใน 7 วัน เนื่องจากระยะนี้ยังอยู่ในช่วงฟักตัว หากเร่งตรวจก็ไม่ปรากฏผลตรวจที่ชัดเจน ฉะนั้นขณะนี้ขอให้ทุกคนปฏิบัติการมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเคสดังกล่าวผู้ติดเชื้อเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไปรับคนป่วยท้องเดินที่พักรักษาในวอร์ดเดียวกับผู้ติดโควิดคลัสเตอร์ตลาดสดเทศบาล 3 ออกจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ไปกักตัวที่บ้าน แต่ภายหลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายนี้กับภรรยาของ สท.ตำบลท่าพล ไปเข้ารับการตรวจพบผลเป็นบวก ในขณะที่ลูกชายตรวจ ATK ผลเป็นบวก โดยทั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและภรรยาทั้งสองต่างได้รับวัคซีนไขว้ครบ 2 เข็ม โดยเข็มแรกเป็นซิโนแวคและเข็มสองเป็นแอสตร้าแล้ว

ข่าวแจ้งอีกว่า สังคมโซเชียลที่เพชรบูรณ์ ทัวร์ลงแพทย์หญิงที่โพสต์เหวี่ยงใส่สื่อและชาวเน็ตอีกรอบ ซึ่งนอกจากมีคอมเม้นท์ถล่มกันแหลกแล้ว ยังเรียกหาความรับผิดชอบด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ชาวโซเชียลส่งเสียงท้วงติงถึงการนำกลุ่มผู้เปราะบางกว่าครึ่งหมื่นมาฉีดวัคซีน จนภาพที่ปรากฎเป็นกลุ่มคนแน่นขนัดและเบียดเสียดกัน โดยเกรงทำให้มีผู้ติดเชื้อกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ โดยแพทย์หญิงรายนี้ นอกจากไม่รับฟังและไม่ยอมรับความจริงแล้ว ยังโพสต์ข้อความกล่าวหาสื่อย่ำยีการทำงานทำให้เสียภาพลักษณ์จังหวัด ถามหาความผิดชอบจากสื่อจะรับไหวไหม? นอกจากนี้ยังแสดงคอมเมนท์โต้ตอบชาวเน็ตที่เห็นต่าง จนแลดูเหมือนท้าทายความรู้สึกของประชาชนและสังคมชาวโซเชียล

โดย - สุนทร คงวราคม