วันนี้ (14 ส.ค.64) ที่อาคารห้องประชุมอดีตที่ตั้ง “สถานีวิทยุหมู่บ้านเสื้อแดง” ชุมชนพรสวรรค์ ทต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี
นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ นางนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน นายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง และ อดีตประธานจังหวัดหมู่บ้านเสื้อแดงตัวแทนทั้ง 4 ภาค ร่วมประชุมหารือการสกัดม็อบ 15 สิงหาคม
นายอานนท์ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ตนได้ประสานงานอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงทั้ง 4 ภาค มาร่วมหารือ ณ สถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็นที่ตั้ง ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ผ่านมา
“เราต้องการให้ทุกคนมาเยือน ตอกย้ำ “อดีตของความเจ็บปวด อดีตของการถูกปล่อยทิ้ง และ อดีตที่เราแสวงหาความช่วยเหลือจากใคร ๆ ไม่ได้ เมื่อการต่อสู้ของพวกเราถูกสลาย ส่งผลทำให้มวลชน ล้มตาย ติดคุก และ หนีตายไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เราไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับเพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดง ในปัจจุบันนี้ที่จะเข้าไปร่วมกับม็อบ 15 สิงหาคม หรือ “ม็อบล้มเจ้า” เพราะขบวนการล้มเจ้ามีการดำเนินการมาตลอดเวลาของการต่อสู้ของคนเสื้อแดง”
แม้แต่ปี พ.ศ. 2554 ก็มีอาจารย์จาก ม.ธรรมศาสตร์ ได้มาประสานขอรายชื่อมวลชนเพื่อต้องการจะล้มล้างสถาบัน ยกเลิก ม.112 ช่วงนั้นทางแกนนำเราก็ไม่ทราบว่าคืออะไร เพราะส่วนใหญ่คือประชาชนชาวรากหญ้า จึงได้ส่งรายชื่อไปเกือบ 70,000 รายชื่อ คนที่ดำเนินงานก็คือ คุณนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน จนฝ่ายปกครองและทหารมาประกบตลอดเกือบทุกอาทิตย์
หรือแม้แต่การเดินสายเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงในต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค วิทยากรก็ถูกส่งตัวมาจากกรุงเทพฯ มาบรรยายให้ความรู้ประชาชนแฝงด้วยการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ปลุกปั่นทำให้ประชาชนเกลียดชังสถาบัน จนมาถึงปี พ.ศ. 2555 ทางตนก็ได้ออกมาต่อต้านจนถูกลอยแพจาก นปช.เพราะไม่รับคณะวิทยากรจากส่วนกลาง ตนก็ไม่ได้สนใจเพราะการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงในอดีตเพื่อต้องการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชน ตามสโลแกนในครั้งนั้นเราตั้งเอาไว้ว่า “หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และเรียกร้องให้ “ประชาธิปไตยกินได้” ของบประมาณจากรัฐบาลมาช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็ไม่วายจะถูกขัดขวางจากแกนนำ นปช.ที่เข้าไปรับตำแหน่งข้าราชการการเมืองในตำแหน่งต่างๆ
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาจึงทำให้พวกเราทราบว่า คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช.หรือแกนนำคนอื่น ๆ ไม่ได้หวังที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่ได้ต้องการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง หวังเพียงว่าตนเองเป็นแกนนำต้องมีเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยง จึงทำให้แกนนำมีเงินในบัญชี มีที่ดิน มีบ้าน มีรถ จำนวนมาก เพราะสู้แล้วรวย หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จริง ลองหลับตานั่งคิดดูว่าแกนนำแต่ละคนมีอาชีพอะไร ทำงานอะไร แล้วทำไมมีเงินทองออกมาเป็นระยะมากมาย แต่นั่นเป็นสิทธิ์และความสามารถของพวกคุณ จึงอยากจะให้ สำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินแกนนำม็อบในครั้งนี้ทุกคน
“พวกเราทนไม่ได้ที่พวกคุณหลอกให้มวลชนเป็นทัพหน้า เข้าไปต่อสู้จนล้มตาย ติดคุก มีคดี หนีตาย สุดท้ายไปขอความช่วยเหลือกลับถูกเมิน มิหนำซ้ำยังไล่ไปหาแกนนำคนนั้น คนนี้ว่า นี่ไม่ใช่คนของตนเองสร้างคำพูดผลักไสไล่ส่งให้ไปรับชะตากรรม แล้วพี่น้องคนเสื้อแดงยังจะออกมาร่วมขบวนการล้มล้างสถาบันกับ ม็อบ 15 สิงหาคม ของ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อยู่หรือ พวกเราเจ็บแล้วต้องจำ ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ การขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็หวังเพื่อเป็นสะพานเมื่อเขาขับไล่ได้แล้วต่อไปก็จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนกับประเทศฝรั่งเศส"
นายอานนท์ กล่าวย้ำอีกว่า ตนเชื่อแน่ชัดครับว่า วันที่ 15 สิงหาคมม็อบล้มเจ้าของคุณณัฐวุฒิ นี่จะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการกับคำวลีเดิมๆ สุดท้ายก็จะตะโกนว่า “เผาเลย เผาเลยผมรับผิดชอบเอง” เหมือนกับตลอดทั้งเดือน สิงหาคม 2564 นี้ ที่ม็อบปิดท้ายด้วยการ เผาบ้านเผาเมือง แล้วก็ปล่อยให้มวลชนบาดเจ็บ ติดคุก หนีคดี เหมือนเดิม ตนกับประธานภูมิภาคทั้ง 4 ภาค เจอมาแล้ว ต้องใช้ชีวิตแบบรันทดเจ็บช้ำมาโดยตลอด พวกเราจึงออกมาส่งสัญญาณไปถึงอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง คนเสื้อแดง และ ประชาชน อย่าเข้าไปร่วมกิจกรรมทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ในวันที่ 15 สิงหาคม 2564 กับม็อบคุณณัฐวุฒิ นี้อย่างเด็ดขาด นอกจากพวกเราจะเจ็บปวดแล้ว ในอนาคตยิ่งทำให้เขามีรายได้สู้แล้วรวยอีกต่อไป