svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

รู้จักธุรกิจขายตรง ”มิสทินสู้โควิด” กระหึ่มโซเชียล

13 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“มิสทินสู้โควิด” กำลังเป็นกระแสร้อนในโซเชียล โดยเป็นพี่พูดถึงเป็นวงกว้างในสถานการณ์โควิดระบาดต่อเนื่องรุนแรง แต่มิสทีนได้เปิดให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน  รับทุนบริจาค เดิมตั้งไว้ 4 ล้าน เพิ่มเป็น 10 ล้านบาท

หลังจาก บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ มิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ได้เปิดให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรคโควิด-19 ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 12 ส.ค-14 ส.ค. 2564 เวลา 24.00 น. ที่ http://www.มิสทินสู้โควิด.com เพื่อรับเงินสด 1,000 บาท และกล่องยังชีพ มูลค่ารวมความช่วยเหลือครั้งนี้ 4,000,000 บาท ปรากฎว่ามีประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์ http://www.มิสทินสู้โควิด.com จำนวนมาก จนเว็บล่ม

 

ล่าสุดบริษัทได้ออกมาชี้แจง ผ่านเฟชบุ๊กเพจ “ธุรกิจขายตรงมิสทิน” ระบุว่า เนื่องจากในขณะนี้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก ส่งผลให้ Website ขัดข้อง ทำให้ลงทะเบียนไม่ได้ จึงขอเลื่อนเวลาการลงทะเบียนเป็นเวลา 14.00น.

 

ทั้งนี้ ทุกท่านสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 14 ส.ค. 64 และสามารถทยอยเข้าลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง และจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในวันที่ 19 ส.ค. 64 และ ครั้งที่ 2 วันที่ 23 ส.ค. 2564 มิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้

รู้จักธุรกิจขายตรง ”มิสทินสู้โควิด” กระหึ่มโซเชียล

เพจธุรกิจขายตรงมิสทิน ระบุว่า 

 

“ประกาศข่าวดี เนื่องจากมีผู้แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนในโครงการ “มิสทินสู้โควิด” เป็นจำนวนมากทางเครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จึงขอเพิ่มทุนจาก 4 ล้านบาท เป็น 10,000,000 บาท สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้ คนที่ลงทะเบียนแล้วไม่ต้องลงซ้ำนะคะ

 

ทุน “มิสทินสู้โควิด” รวมมูลค่า 10,000,000 บาท มอบให้ครอบครัวละ 1 ทุน ทั้งหมด 5,000 ทุน (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับที่อยู่และนามสกุลเดียวกัน) โดยแต่ละทุนประกอบด้วย เงินสด 1,000 บาท และกล่องสินค้ามิสทินเพื่อดำรงชีพ มูลค่า 1,000 บาท

 

คลิกลงทะเบียนที่นี่

http://www.มิสทินสู้โควิด.com

มาทำความรู้จัก บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางขายตรง

รู้จักธุรกิจขายตรง ”มิสทินสู้โควิด” กระหึ่มโซเชียล

มิสทิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531 โดยราชาขายตรงของเมืองไทย “ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์” อดีตประธานกรรมการ เจตนารมณ์ของการก่อตั้งในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น (ดังชื่อของ บริษัทเบทเตอร์เวย์) ให้กับคนไทยทั่วประเทศผ่านธุรกิจระบบขายตรงของคนไทย

 

ในยุคเริ่มต้น คนไทยยังไม่รู้จักธุรกิจขายตรงมากนัก สำนักงานของบริษัทเบทเตอร์ เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในยุคแรกเป็นเพียงอาคารพาณิชย์ 3 คูหา มีพนักงาน 4 คน สินค้าไม่ถึง 100 รายการ ในปีถัดมาเป็นปีที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักมิสทิน โดยการนำกลยุทธ์การโฆษณามาใช้ ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการขายตรงของโลก โดยมีสโลแกนอันเป็นอมตะของคุณอมรเทพว่า “นิ้ง..หน่อง มิสทินมาแล้วค่ะ” เป็นสโลแกนง่ายๆ บอกความเป็นไทยและสื่อถึงการขายตรงได้อย่างชัดเจน

 

และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ และ สโลแกนของมิสทิน เพื่อเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าแสดงออก และสโลแกนนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกในหนังโฆษณาอายไลเนอร์ มิสทิน ไนน์ ทู ไฟว์ แมทท์ ออโต้ เพน

 

ความเป็นที่สุดในทุกๆด้านของบริษัทฯ ยังได้รับการกล่าวขานจากแวดวงขายตรง และแวดวงธุรกิจทั่วไป อีกทั้งเป็นที่สนใจของสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศในด้านการศึกษาวิจัยถึงความสำเร็จด้านต่างๆ ของบริษัทฯ รวมถึงการติดต่อขอเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ในทุกๆ ปีที่ผ่านมา 

 

ด้วยตัวเลขอัตราการเติบโตของบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สูงขึ้นเป็นลำดับในทุกๆ ปี อย่างต่อเนื่อง จากทุนจดทะเบียนเริ่มแรกเพียง 10 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 700 เท่าตัว ครองอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันมียอดขายต่อปีอยู่ที่ 13,700 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจในหลาย ๆ ประเทศ โดยเริ่มจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในพม่า ลาว กัมพูชา และ จะรุดหน้าในประเทศอื่นๆ อีกต่อไป

 

ณ ปัจจุบันภายใต้การบริหารงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงขายตรงเมืองไทยต่างชื่น ชมและยกย่องสูงสุด ผลักดันให้ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดไลน์สินค้าที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนอันโดดเด่น ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค 

logoline