กองกำลังปากีสถาน เมื่อวันพฤหัสบดี (12 ส.ค.) ปะทะกับชาวอัฟกันหลายร้อยคน ที่ติดอยู่ที่บริเวณจุดผ่านแดน ที่มีสำคัญในเชิงพาณิชย์ในฝั่งของปากีสถาน หลังจากที่กลุ่มตาลีบันสั่งปิดจุดผ่านแดนที่นี่
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของปากีสถาน ระบุว่าความปั่นป่วนปะทุขึ้นหลังจากนักเดินทางชาวอัฟกันวัย 56 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายขณะที่เขารอ ท่ามกลางความร้อนที่เต็มไปด้วยฝุ่น เพื่อกลับเข้าไปในฝั่งอัฟกานิสถาน ผ่านทางจุดผ่านแดน ชามาน-สปิน โบลดัก
ผู้ประท้วงนำศพของเขาไปยังหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นของปากีสถานเพื่อเรียกร้องให้เปิดชายแดนอีกครั้ง ขณะที่บางคนก็เริ่มขว้างก้อนหินใส่กองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งก็ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาและระดมตีผู้ประท้วงด้วยกระบอง เพื่อสลายการชุมนุม แต่งานนี้ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
จุดผ่านแดน ชามาน-สปิน โบลดัก เป็นจุดผ่านแดนที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอัฟกานิสถานและเป็นเส้นทางการพาณิชย์หลักเพื่อไปยังชายฝั่งทะเลของปากีสถาน เนื่องจากอัฟกานิสถานไม่มีทางออกสู่ทะเล
ตาลีบัน ซึ่งยึดจุดผ่านแดนนี้ได้เมื่อเดือนที่แล้ว อันเป็นส่วนหนึ่งของการรุกครั้งสำคัญทั่วอัฟกานิสถานขณะที่กองกำลังต่างชาติที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังถอนกำลังออกจากประเทศ ได้ประกาศปิดจุดผ่านเมื่อวันที่ 6 ส.ค. เพื่อประท้วงการที่ปากีสถานตัดสินใจยุติการอนุญาตให้ชาวอัฟกันเดินทางเข้าสู่ปากีสถานได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ตาลีบันเรียกร้องให้ปากีสถาน อนุญาตให้ชาวอัฟกันข้ามพรมแดนได้ด้วยบัตรประจำตัวประชาชนอัฟกัน หรือบัตรผู้ลี้ภัยที่ออกให้โดยปากีสถาน
นักรบตาลีบันยึดดินแดนจากรัฐบาลกรุงคาบูลได้อย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงจุดแดนที่สำคัญที่บริเวณพรมแดนด้านติดกับอิหร่านและประเทศในเอเชียกลาง ซึ่งขณะนี้กลายเป็นแหล่งรายได้ทางศุลกากรจำนวนมากสำหรับกลุ่ม
รถบรรทุกประมาณ 900 คัน ได้ผ่านด่านชามาน-สปิน โบลดักทุกวันก่อนที่กลุ่มตาลีบันจะยึดได้
การเปิดพรมแดนที่ติดกับปากีสถานเพื่อการเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า ไม่เพียงแต่ช่วยให้กลุ่มตาลีบันได้รับความนิยมจากชาวอัฟกันทั่วไปเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดเส้นทางไปสู่พื้นที่ของปากีสถาน ที่ครอบครัวของนักรบและผู้บังคับบัญชาของตาลีบันบางคนไปตั้งบ้านเรือนอยู่ด้วย
ปากีสถานและตาลีบันรักษาความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน แม้ว่าอิสลามาบัดจะบอกว่าเรื่องนี้สิ้นสุดลงหลังการบุกอัฟกานิสถานของฝ่ายสหรัฐฯ ในปี 2544 ที่ช่วยขับไล่กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงออกจากอำนาจ สำหรับการให้การคุ้มครองกลุ่มอัลไกด้า ที่ก่อเหตุการโจมตีสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายนปีเดียวกัน
ชาติตะวันตกและรัฐบาลกรุงคาบูลบอกว่าการสนับสนุนของปากีสถานต่อกลุ่มตาลีบันยังคงดำเนินต่อไป และผู้นำหลายคนของพวกตาลีบันก็มีความสุขกับการหลบภัยอยู่ภายในประเทศ ขณะที่ปากีสถานออกมาปฏิเสธ