แม้จะยังคงอยู่ระหว่างการถูกคุมตัว แต่นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนถึงตำรวจ อัยการ ศาล และคนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุม โดยระบุว่า
"ฝากจดหมายถึงพี่ๆตำรวจ อัยการ ศาล และส่งกำลังใจให้พี่น้องคนรุ่นใหม่ทุกคน จากสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาเจตนาจะปุ่นให้เกิดการใช้ความรุนแรง กระตุ้นให้พวกเราโกรธแค้นและใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ ขอให้พวกเราตั้งสติ รอบคอบ และใช้สันติวิธีให้ถึงที่สุด ดูแลกันและกันให้ปลอดภัยในการต่อสู้ครั้งนี้"
"คุกขังผมได้ คุกก็ขังประยุทธ์กับพวกได้เช่นกัน"
ขณะที่วันนี้ (11 ส.ค.) พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้นำตัวนายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร มาฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ผัดแรก 12 วัน ระหว่างวันที่ 11-22 ส.ค. ในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นสถาบันฯเเละข้อหาอื่นๆ ที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา หรือคดีม็อบแฮร์รี่ฯ 2 และได้มีการเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา (อ่านต่อรายละเอียด) เนื่องจากตำรวจยังสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนปากคำพยานอีก 10 ปากและรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา พร้อมคัดค้านการประกันตัว
- ร่ายยาวเหตุค้านประกันตัว
โดยท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอประกันตัวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวว่าหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วผู้ต้องหาจะไปทำการก่อเหตุอันตรายประการอื่นเนื่องจากตามเนื้อหาในการปราศรัยของผู้ต้องหาจากบันทึกการถอดเทปกลุ่มผู้ชุมนุมกิจกรรมเสกคาถาแฮรี่พอตเตอร์ เป็นการกล่าวถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของประชาชนไทยในลักษณะที่เป็นการดูหมิ่นหมิ่นประมาทอันเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง
ในฐานะประชาชนชาวไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารคนหนึ่ง ถือเป็นการกระทำความผิดอันร้ายแรง ผู้ต้องหามีความรู้ด้านกฎหมายและประกอบอาชีพทนายความยิ่งต้องเข้าใจว่าการกระทำของตนเองเป็นการลบลู่ดูหมิ่นสถาบันอันเป็นความผิดนอกจากนี้ผู้ต้องหาได้กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่อย่างใด
หากปล่อยไปสามารถกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวโดยไม่ได้รับการพิจารณาโทษ จะยิ่งเป็นเยี่ยงอย่างให้บุคคลอื่นกระทำตามจะยิ่งกระทบถึงพระเกียรติคุณสถาบัน อีกทั้งยังเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขของศาลอาญาในคดีหมายเลขดำที่อ. 287/2564ที่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหานี้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาไม่ไปกระทำกิจกรรมที่กระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และไม่ร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองอีกด้วย และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ซึ่งยังไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อโรคได้ในอัตราเร่งที่สูงมากและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากได้ทวีความรุนแรงจนเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศประกอบกับเชื้อโรคได้กลายพันธุ์เป็นหลายสายพันธ์และสามารถแพร่กระจายได้ง่ายอีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศอัจอาจกระทบต่อประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่รุนแรงจนไม่อาจวางใจได้
และหากผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวเรือนจำพิเศษกรุงเทพทมหานครซึ่งจะรับตัวผู้ต้องหาไปทำการคุมขังนั้นก็มีมาตรการและขั้นตอนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด โดยเรือนจำมีประสานกับสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่เพื่อตรวจสอบมาตรฐานในการเตรียมรองรับกรณีมีผู้ติดเชื้อได้ทันที, มีการตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.) ประจำเรือนจำ, มีการคัดกรองและตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดในผู้ต้องขังหากพบเชื้อให้ X-ray ปอดทุกรายรวมถึงให้ยาและรักษาให้เร็วเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง, มีการใส่คลอรีนผสมในน้ำสำหรับอาบของผู้ต้องขัง, กรณีผู้ต้องขังป่วยมีการแจ้งให้ญาติทราบเป็นการเฉพาะรายทางโทรศัพท์หรือช่องทางอื่นอีกด้วย รวมทั้งเชื่อว่าถ้าผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วก็จะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1(3)จากเหตุดังกล่าวข้างต้นหากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว