ในวันแรกของแต่ละเดือน กวัก กึมจา จะไปที่อนุสรณ์สถานสงครามเกาหลีในละแวกบ้านของเธอ เพื่อสวดมนต์ให้พ่อ ซึ่งเป็นทหารเกาหลีใต้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้สมัยเมื่อเธอยังเป็นเด็ก
ศพของเขายังไม่ได้รับการกู้กลับมา และกวักในวัยชราก็อยากให้ศพของพ่อถูกพบ เพื่อที่เธอจะได้นำไปฝังไว้ที่สุสานแห่งชาติ
กวักน้ำตาคลอ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่เมืองอันยาง ทางใต้ของกรุงโซล อันเป็นเมืองหลวง
กวักเป็นหนึ่งในชาวเกาหลีใต้หลายหมื่นที่ยังหวังว่าซากศพของบุคคลที่พวกเขารัก – ทหารที่เสียชีวิตระหว่างสงครามเกาหลีปี 2593 - 2496 จะถูกค้นพบ
แต่หนทางยังอีกยาวไกลนัก
นับตั้งแต่ที่ความพยายามฟื้นฟูอย่างจริงจังเริ่มขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ทางการพบซากศพหลายพันที่เชื่อว่าเป็นของทหารเกาหลีใต้ที่เสียชีวิต แต่สามารถระบุตัวตนผู้เป็นเจ้าของได้เพียง 166 ศพเท่านั้น
จำนวนทหารเกาหลีใต้ที่ยังไม่ได้รับการกู้คืนมีประมาณ 120,000 นาย
และจนถึงขณะนี้ เกาหลีใต้ ก็เก็บตัวอย่าง DNA จากญาติทางสายเลือดของทหารที่ถูกสังหารได้แค่ประมาณ 47,000 นาย เพื่อใช้เปรียบเทียบกับ DNA ที่สกัดจากกระดูกที่ขุดขึ้นมาได้
ความขัดแย้งทีทำให้เกาหลีใต้และกองกำลังสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ สู้รบกับเกาหลีเหนือและจีน ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 1-2 ล้านราย รวมถึงทหารเกาหลีใต้ 160,000 นาย
การค้นหาศพของพวกเขาเป็นงานเร่งด่วนทางอารมณ์ เพราะญาติของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ หรือไม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว
ร้อยเอกยุน ยูจิน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมสำหรับการกู้คืนและระบุตัวตนทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่บอก
“เราเชื่อว่าการส่งคืนศพของทหารที่เสียชีวิตให้กับครอบครัวของพวกเขาตอนที่ครอบครัวยังมีชีวิตอยู่นั้น มีความหมายมากกว่ามาก”
ในระหว่างการเยือนครั้งล่าสุดของนักข่าวที่ห้องปฏิบัติการระบุซากศพของหน่วยงาน ซึ่งตั้งอยู่ในสุสานแห่งชาติกรุงโซล ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการได้พูดถึงซากศพที่เจ้าหน้าที่ได้ขุดขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากอดีตสนามรบภายในเขตปลอดทหารซึ่งเป็นแนวดินแดนที่มีการคุ้มกันหนาแน่น ที่ถือเป็นพรมแดนโดยพฤตินัยระหว่างสองเกาหลี
มันเป็นการขุดค้นครั้งแรกที่นั่นของเกาหลีใต้นับตั้งแต่สิ้นสุดสงคราม
งานกู้ศพมีความซับซ้อนจากข้อเท็จจริงที่ว่าทหารเกาหลีใต้จำนวนมากถูกส่งไปแนวหน้าโดยไม่มีการระบุตัวตนชัดเจนในระหว่างช่วงแรกของสงคราม เนื่องจากเกาหลีใต้รีบเร่งที่จะรับมือกับการรุกรานที่สร้างความประหลาดใจของฝ่ายเกาหลีเหนือ
เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เก็บบันทึกทางทันตกรรม การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก และการยืนยันตัวอื่น ๆ ของทหารส่วนใหญ่
เมื่อความขัดแย้งสิ้นสุดลง การก่อสร้าง บูรณะฟื้นฟูอย่างรีบเร่งหลังสงครามและโครงการพัฒนาที่ดินที่ตามมา ทำให้ยากต่อการค้นหาอดีตสนามรบและสถานที่ฝังศพ
เชื่อกันว่าผู้เสียชีวิตจากสงครามของเกาหลีใต้ที่ยังไม่ได้รับการกู้คืนประมาณ 30,000 ราย ถูกฝังอยู่ในเกาหลีเหนือ
และเกาหลีเหนือกก็ไม่เคยอนุญาตให้เกาหลีใต้เข้าไปขุดค้นหาในดินแดนของตน
นอกจากนี้ ก็ยังปฏิเสธที่จะรับศพทหารของพวกเขาเองที่เกาหลีใต้พบด้วย
แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับสหรัฐมากกว่า เกาหลีเหนือเข้าร่วมในปฏิบัติการกู้ศพร่วมกับสหรัฐ 33 ครั้งตั้งแต่ปี 2539-2548 และสามารถเก็บซากศพทหารอเมริกัน 229 ศพในอาณาเขตของพวกเขาได้
ในปี 2561 มีการส่งคืนซากศพของทหารสหรัฐฯ ที่สันนิษฐานว่าสูญหายไปในสงคราม 55 กล่องเพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดี เนื่องจากทั้งสองประเทศมีส่วนร่วมในการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่หยุดชะงัก
ในทางเทคนิค คาบสมุทรเกาหลียังคงอยู่ในภาวะสงคราม เพราะการสงบศึกที่ยุติความขัดแย้งในปี 1953 ก็ยังไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยสนธิสัญญาสันติภาพ
ทหารอเมริกันมากกว่า 7,500 นายยังคงหาไม่พบจากสงครามเกาหลี
พ่อของกวัก สิบตรีกวัก จองคู เสียชีวิตตอนอายุ 26 ปีที่เมืองชอลวอน ที่ชายแดนเกาหลีใต้เมื่อ 1 มกราคม 2494
เธอบอกว่าได้มอบตัวอย่างเลือดให้ทางการเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ในแต่ละปี เธอได้รับจดหมายจากรัฐบาลว่ายังไม่พบศพพ่อของเธอ
เธอจำพ่อไม่ได้ เพราะเธออายุได้เพียงขวบเดียวเขาถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ
เมื่อตอนเป็นเด็ก กวักบอกว่าเธอเกลียดการเข้าร่วมงานปาร์ตี้ในหมู่บ้านที่มีเรื่องครอบครัวมาเกี่ยวข้องด้วย หรือเมื่อเห็นพ่อของเพื่อนมาปรากฏตัวที่โรงเรียน
ไม่นานก่อนที่แม่ของเธอจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในปี 2527 แม่ม่ายสงครามก็จมอยู่กับอาการเพ้อ และถามว่าสามีของเธอกลับมาหรือยัง
ชอย ชุงซิก ลูกชายวัย 68 ปีของนาวิกโยธินเกาหลีใต้ผู้ล่วงลับบอกว่า เมื่อราว ๆ ปี 2523 ครอบครัวของเขาได้รู้ว่ามีหลุมศพที่มีชื่อพ่อของเขาอยู่ที่สุสานแห่งชาติ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับแจ้งเรื่องการเสียชีวิตไม่นานหลังจากที่พ่อถูกสังหารในช่วงสัปดาห์ท้าย ๆ ของสงคราม
ชอยไปแสดงความเคารพที่หลุมศพเป็นประจำ
แต่เขายังคงส่งตัวอย่าง DNA ของเขาไปยังคณะกรรมการค้นหา เพื่อให้ดูว่าศพของพ่ออยู่ที่นี่จริงหรือไม่
เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จริง ๆ แล้วศพของคนอื่นอาจถูกนำมาฝังอยู่ในสุสานในช่วงที่เกิดความวุ่นวายหลังสงคราม
“บางครั้ง ผมก็สงสัยว่าซากศพที่หลุมศพนั้นเป็นของพ่อของผมจริง ๆ หรือ เปล่า หากผมพบศพของพ่อผ่านงานการกู้คืนศพโดยการเปรียบเทียบกับตัวอย่าง DNA ของผม เมื่อนั้นผมก็จะเอาเขามาฝังที่นี่ได้ "