การประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) วันนี้ (9 ส.ค.64) จะนำวาระการเลื่อนตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่ถูกระบุว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับคดีใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับและจูงใจให้ข้าราชการในจังหวัดกระทำการและเป็นเครื่องมือในการก่อกวนความสงบสุขของนักธุรกิจ ซึ่งมีการอภิปรายเห็นชอบให้เป็นหัวหน้าคณะในศาลฎีกา แล้ว ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) ด้วยมติ 18 ต่อ 3 เสียง ทำให้นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา รองประธานศาลฎีกา ในฐานะประธาน อ.ก.ต. ขอลาออกจาก อ.ก.ต.เพราะไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก รับรองผู้พิพากษา บางคนที่กำลังถูกสอบสวน ให้ขึ้นเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ดังนั้น ต้องรอดูว่าผลการพิจารณาของ ก.ต. วันนี้ จะออกเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม "เนชั่นออนไลน์" ได้เผยให้เห็นที่มาที่ไปของการตรวจสอบเส้นทางเงิน 200 ล้าน จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์จ่ายเช็คให้นาย "ก" วันที่ 23 มี.ค.61 นาย"ก" โอนไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทยของตัวเอง 50 ล้านบาท และวันเดียวกันโอนให้นาย "ก2" จำนวน 8,450,000 บาท เป็นบุคคลในขบวนการเดียวกัน และเกี่ยวโยงกับนาย "ว" ด้วย
สำหรับเงิน 8,450,000 มีความเชื่อมโยงกับนาย "ว" อยู่ 3 ยอดการโอน คือ 50,000 / 401,500 และยอดที่ 3 (โอน 6 ครั้ง) รวม 7,738,781.02 (จ่ายค่าหุ้น)
นอกจากนี้ พบยอดโอนจาก นาย "ก2" ไปให้นาย "ว" อีก 2 ยอด คือ 50,000 บาท และ 3,715,000 บาท
โดยยอดโอน 3,715,000 บาท โอนผ่านเอทีเอ็ม ครั้งละ 5 หมื่น 62 ครั้ง / 45,000 บาท 1 ครั้ง และ 30,000 บาท 1 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 64 ครั้ง
วันที่ 26 มี.ค.61 นาย"ก" โอน 30 ล้าน ให้ตัวเอง แล้วโอน 10 ล้านบาท ให้นาย "ฐ" และวันเดียวกัน นาย "ฐ" โอนให้นาย "ว" 2 ครั้ง ในวันที่ 5/8/61 ยอดเงิน 100,000 บาท และโอนอีก 4 ครั้ง 23/7/61-28/8/61 ครั้งละ 5 หมื่น ยอดเงินรวม 200,000 บาท
นอกจากนี้ยังพบว่า นาย "ฐ" โอนให้นาย "ว" อีก 8 ครั้ง 9/4/61-28/8/61 ครั้งละ 150,000 รวมทั้งสิ้น 1,200,000 บาท วันที่ 8/6/61 นาย "ว" โอนเงิน 100,000 ให้นาง"ว" และพบว่า นาง "ว" โอนคืนให้นาย "ว" 3 ครั้ง รวม 70,000 บาท
โดยตัวละคร นาง "ว" ยังได้รับเงินโดนตรงจากนาย "ฐ" 3 ครั้ง ช่วง 8/4/61-8/6/61 รวม 1,930,000 บาท
จากเส้นทางเงิน 200 ล้านบาท นั้น พบว่า ผ่านหลายช่องทางกว่าจะมาถึง นาย "ว" ทั้งสิ้น 13,425,281 บาท และนาง "ว" 1,930,000 บาท รวมเป็นเงิน 15,355.281 บาท
ผลสอบนี้ ได้ส่งประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ศาลฎีกา และแจ้งยุติการสอบสวนเพราะน่าเชื่อว่าเป็นการร่วมกันทุจริต มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขบวนการและ/หรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน เป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว
เป็นที่น่าสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมการเบิกเงินสดออกจากธนาคารในวันเดียวถึง 59 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่สูงมากในการทำธุรกรรมเงินสด จึงน่าเชื่อว่ามีการนำเงินสดไปจ่ายให้กับผู้ร่วมกระบวนการอื่น ๆ อีกด้วย เห็นควรส่งสำนวนการสืบสวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.
แหล่งข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. เปิดเผย "เนชั่นออนไลน์" ว่า เรื่องเจ้าหน้าที่ที่ดิน ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนแล้ว ส่วนผู้พิพากษา อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฎข้อสรุปจากประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ศาลฎีกา เผยแพร่ให้ปรากฎต่อสาธารณชน
ตามรายงานผลสรุปเรื่องนี้ "เนชั่นออนไลน์" ได้รับการยืนยันว่า มีการเสนอต่อ ป.ป.ช. สรุปความได้ว่า
การตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจากการตรวจสอบการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรตามข้อเท็จจริงข้างต้น น่าเชื่อว่า นาย "ว" นาย"ก" นาย "บ" นาย "ฐ" นาย "ธ" และนาย"ย" น่าเชื่อว่าเป็นการร่วมกันทุจริต มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขบวนการและ/หรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน เป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว
เป็นที่น่าสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมการเบิกเงินสดออกจากธนาคารในวันเดียวถึง 59 ล้านบาท (ตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้เพราะจ่ายเป็นเงินสด) ซึ่งเป็นยอดเงินที่สูงมากในการทำธุรกรรมเงินสด จึงน่าเชื่อว่ามีการนำเงินสด ไปจ่ายให้กับผู้ร่วมกระบวนการ (ระดับสูง) อื่น ๆ อีกด้วย