บ่ายของวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 ที่ วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ หน่วยกู้ภัยจาก มูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ ให้นำศพของชาย อายุ 56 ปี นำมาประกอบพิธีที่เมรุวัด โดยได้มีญาติๆ ได้เดินทางล่วงหน้ามากราบนิมนต์พระคุณเจ้า 4 รูป เพื่อรอสวดส่งดวงวิญญาณแล้ว ภายหลังจากโรงพยาบาลได้ทำการห่อศพอย่างหนาแน่นแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้สวมชุด PPE เดินทางขึ้นไปรับศพลงจากตึกผู้ป่วยโควิด จากห้อง ICU มาเมรุวัด พอเดินทางมาถึงก็ได้นำโลงศพขึ้นไปบนเมรุ และเลื่อนเข้าเตาเผา กดสวิตช์เผาทันที จากนั้นก็ทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดรอบ ๆ เมรุ รอบ ๆ รถส่งศพ ก่อนเดินทางกลับ ซึ่งที่ศาลาพักศพก็ได้มีญาติ นำโดยน้องเมียของผู้เสียชีวิต กราบนิมนต์พระสงฆ์มาสวดส่งดวงวิญญาณที่ศาลาจนจบ จากนี้รอเผาเสร็จราว 4 ชั่วโมง ญาติก็จะได้เก็บอัฐิ เพื่อนำกลับไปรอภรรยา หายจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 จึงจะได้ประกอบพิธีทำบุญกุศลตามประเพณีต่อไป
โดย น้องภรรยาผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า พี่เขยทำงานที่กรุงเทพ มาโดยตลอด นาน ๆ จะเดินทางกลับมาบ้านเกิดที่อำเภอห้วยทับทัน ซึ่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 รู้สึกแน่นหน้าอก เจ็บคอ จึงปรึกษาภรรยา ตัดสินใจเดินทางกลับมาบ้านในวันที่ 7 กรกฎาคม โดยเดินทางด้วยกัน 4 คน มีภรรยา และหลาน 2 คน ขับรถยนต์ส่วนตัวมา ซึ่งพอมาถึงบ้านก็ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งก็พบว่าติดด้วยกันทั้งหมด ทั้ง 4 คน และได้เข้ารับการรักษาตัว ตอนแรกอยู่โรงพยาบาลห้วยทับทัน ต่อมาสามี หรือพี่เขยตน อาการหนัก ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ขุขันธ์ และส่งต่อมาที่ รพ.ศรีสะเกษ
และเมื่อเช้าของวันนี้ เวลา 09.18 น ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ ว่าพี่เขยเสียชีวิตแล้ว ตนก็ไปบอกพี่สาว ที่เป็นภรรยาแก พี่สาวร้องไห้ดังมากมาทางโทรศัพท์ ก่อนแจ้งให้ตนมาเป็นธุระเผาศพให้ด้วยในบ่ายของวันนี้ ลูกที่อยู่กรุงเทพ ก็ไม่สามารถเดินทางมาได้ แม้จะไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อ เพราะหากเดินทางมาก็ต้องมากักตัวด้วย 14 วันเช่นกัน วันนี้ตนในฐานะเป็นน้องเมียก็ต้องเป็นธุระแทนในการเผาศพและเก็บกระดูกของพี่เขยกับไปรอภรรยารักษาตัวหายจากเป็นผู้ติดเชื้อโควิดจึงจะได้คิดเรื่องการทำบุญต่อไป
ข่าว/ภาพ พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์