วันที่ (26 ก.ค.) พนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุชายเสียชีวิตภายในรถแท็กซี่บริเวณใต้สะพานคลองลำปลาเน่า ถนนฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ จึงประสานแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุอยู่ใต้สะพานข้ามคลองลำปลาเน่า หน้าปากซอยผู้พันบ้านสวนกลาง พบรถแท็กซี่ส่วนบุคคล สีเขียวเหลือง จอดอยู่สภาพปิดล็อคประตูและกระจกทั้ง 4 ด้าน ภายในรถ พบศพนายจำเนียร ชัยสวรรค์ อายุ 53 ปี เสียชีวิตบนที่นั่งคนขับ เอนเบาะศีรษะพิงกับขอบประตูด้านขวา พบเตาอั้งโล่วางอยู่บริเวณที่วางเท้าด้านซ้ายเบาะหลัง เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัย สวมชุดพีพีอี พร้อมปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัย
จากการตรวจสอบ พบจดหมายลาตาย ระบุปัญหาด้านการเงิน เช่าห้องพักทุกวัน ทำอาชีพนี้มีแต่คนรังแก วิ่งรถไม่มีผู้โดยสาร ไม่มีเงินส่งรถ ขอบใจเพื่อนๆ และครอบครัวที่คอยเป็นกำลังใจ อยากรอเกาะชายผ้าเหลืองลูกชาย แต่พ่อเป็นคนบุญน้อย คงไม่มีบุญแล้ว รักเมียและลูกๆ เสมอ
นายสนั่น เซ็งดา 53 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อเวลา 18.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา นายจำเนียร (ผู้ตาย) ได้ขับรถมานั่งกินข้าวด้วยกัน ที่อู่ซ่อม ย่านเคหะฉลองกรุง มีการพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกัน นายจำเนียร บ่นตัดพ้อทำนองว่าวิ่งรถไม่มีผู้โดยสารใช้บริการเลย จึงหาเงินส่งรถไม่ได้ กระทั่ง เวลา 20.00 น. ก่อนช่วงเคอร์ฟิว นายจำเนียร ได้ขอตัวกลับ ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่ง มีคนโทรมาบอกว่า นายจำเนียร เสียชีวิตแล้ว
สอบถามแม่ค้าใกล้ ที่เกิดเหตุ เล่าว่า ตนมีบ้านพักใกล้ที่เกิดเหตุ จึงเห็นรถแท็กซี่ของผู้ตาย มาจอดช่วง 21.00 น.เมื่อคืนนี้ แต่ไม่ได้เอะใจ เนื่องจากมักมีคนมาจอดรถนอนพักผ่อนเป็นประจำ จนเวลา 05.00 น. ตนออกมาเตรียมของเปิดร้าน ยังเห็นรถจอดอยู่ จนเวลา 08.00 น. รถยังจอด จึงเริ่มเอะใจเลยเดินไปดู พบคนขับรถนอนหลับอยู่ในรถ พยายามเคาะเรียกหลายครั้งแต่ไม่ตื่น จังหวะนั้นมีรถแท็กซี่ขับรถผ่านมา และลงมาช่วยดู ก็พบว่าในรถที่จอดอยู่มีเตาอั้งโล่ จึงคาดว่าคนขับน่าจะเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
เบื้องต้น คาดว่าผู้ตายน่าจะเกิดอาการเครียดเรื่องปัญหาการเงิน จึงมาจอดรถเพื่อฆ่าตัวตาย เนื่องจากพบอุปกรณ์ และมีจดหมายลาตาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป