svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"หมอธีระ" วอนศบค.ทบทวนมาตรการ หลังยอดติดเชื้อพุ่งสูงเกือบติดท็อป 10 โลก

25 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"หมอธีระ" ชี้การติดเชื้อโควิด-19 ในไทย ล่าสุดสูงเป็นอันดับ 11 ของโลก ผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤตมากเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย วอน ศบค. ทบทวนมาตรการโดยด่วนเพราะมีโอกาสสูงที่เชื้อจะแพร่กระจายมากกว่านี้อีก

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” มีเนื้อหาดังนี้....

 

สถานการณ์ทั่วโลก 25 กรกฎาคม 2564...
ทะลุ 194 ล้านคนไปแล้ว


เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 481,720 คน รวมแล้วตอนนี้ 194,362,296 คน ตายเพิ่มอีก 7,916 คน ยอดตายรวม 4,167,659 คน


5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินโดนีเซีย อินเดีย บราซิล อเมริกา และสหราชอาณาจักร

  • อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 35,519 คน รวม 35,182,105 คน ตายเพิ่ม 138 คน ยอดเสียชีวิตรวม 626,700 คน อัตราตาย 1.8% 
  • อินเดีย ติดเพิ่ม 40,284 คน รวม 31,371,486 คน ตายเพิ่ม 542 คน ยอดเสียชีวิตรวม 420,585 คน อัตราตาย 1.3% 
  • บราซิล ติดเพิ่ม 38,091 คน รวม 19,670,534 คน ตายเพิ่ม 1,080 คน ยอดเสียชีวิตรวม 549,500 คน
  • รัสเซีย ติดเพิ่ม 23,947 คน รวม 6,102,469 คน ตายเพิ่ม 799 คน ยอดเสียชีวิตรวม 153,095 คน อัตราตาย 2.5% 
  • ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 25,624 คน ยอดรวม 5,978,695 คน ตายเพิ่ม 25 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,616 คน อัตราตาย 1.9%
  • อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และอิตาลี ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น 
  • แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชีย และยุโรปที่ทวีความรุนแรงขึ้น
  • บางประเทศเริ่มเห็นกราฟการระบาดที่เซ็ตตัวเป็นขาขึ้นของการระบาดระลอกใหม่อย่างชัดเจน เช่น อิตาลี ล่าสุดติดเพิ่มกว่าห้าพันคน คาดว่าจะมีเวลาในการควบคุมจริงจังอีกราว 2-3 สัปดาห์ หากหยุดไม่ได้จะทวีความรุนแรงขึ้นเข้าสู่การระบาดเต็มตัว
  • ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม ล้วนติดหลักพันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เวียดนามกำลังเผชิญการระบาดที่หนักหน่วงมาก ล่าสุดติดเพิ่มถึง 9,256 คน เป็นขาขึ้นที่เร็วมาก จำนวนติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าภายในเวลาเพียง 5 วัน
  • แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 
  • แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่น  
  • กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และไต้หวัน ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดน้อยกว่าสิบ

 

...วิเคราะห์สถานการณ์โลกจากข้อมูล Worldometer เช้านี้


สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7% และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้จำนวนที่เพิ่มชัดเจนนั้นเกิดขึ้นในทวีปยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย


สำหรับไทยเรา จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 33% และตายเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยมียอดติดเชื้อเพิ่มรายสัปดาห์เป็นอันดับ 6 และยอดเสียชีวิตรายสัปดาห์เป็นอันดับ 7 ของเอเชีย


ในขณะที่จำนวนการติดเชื้อเพิ่มของไทยเมื่อวานนี้ สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และที่น่าวิตกมากคือ จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติมากถึง 4,099 คน เป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ตามหลังเพียงอินเดียและอิหร่านเท่านั้น


...มาตรการที่เรามีตอนนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะกดการระบาดที่รุนแรงแบบที่เผชิญอยู่


ดังจะเห็นได้จากจำนวนการติดเชื้อต่อวันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่พักคอย รพ.สนาม หรือรพ.จริง ที่มีจำนวนสูงกว่าจำนวนที่หายป่วยราว 5-7 พันคนต่อวัน ซึ่งไม่มีทางที่จะจัดหาทรัพยากรสถานที่ คน เงิน ของ มาสนับสนุนได้ทันและเพียงพอ หากเป็นเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้จำนวนจังหวัดที่มีเคสติดเชื้อใหม่ในแต่ละวัน เกิน 100 ราย มีถึง 38 จังหวัด และตั้งแต่ 51-100 ราย มีอีก 14 จังหวัด รวมแล้ว 52 จังหวัด นั่นคือมากถึง 67.5% หรือสองในสามของประเทศ


ดังนั้นโอกาสที่การระบาดจะแพร่กระจายทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีสูง มาตรการเข้มข้นในพื้นที่ 13 จังหวัดจึงยากที่จะหยุดยั้งการระบาดของประเทศได้

 

ปัญหาที่ควรเตรียมรับมือจากบทเรียนต่างประเทศที่เผชิญมาก่อนเราคือ

 

  1. การระบาดในโรงพยาบาลจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน รวมถึงผู้ป่วยและประชาชนที่มารับการดูแล
  2. การระบาดในชุมชน และที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบทั้งบ้าน คอนโด หอพัก อพาร์ตเมนท์ แฟลต ฯลฯ จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องวนลูปไปเรื่อยๆ ทั้งในเมืองและชนบท ช้าเร็วขึ้นกับรูปแบบการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่ ความเข้มข้นของมาตรการในการป้องกันของระดับบุคคลและชุมชน และศักยภาพในการปูพรมตรวจคัดกรองโรคว่าจะทำได้มากและทันต่อความเร็วในการแพร่ของเชื้อหรือไม่
  3. จำนวนการเสียชีวิตจะเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
  4. ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจจะมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องจำนวนคน/ครอบครัวที่ต้องพึ่งพิงและต้องการความช่วยเหลือในการดำรงชีวิตประจำวันจะมากขึ้น อาชญากรรม การทำร้ายตัวเอง/ฆ่าตัวตาย รวมถึงระบบการผลิตสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตที่อาจทำให้เกิดความขาดแคลนและมีอุปสรรคในการเข้าถึง หากการระบาดหนักและยาวนานโดยไม่สามารถควบคุมได้

 

ดังนั้นจึงอยากเรียนให้ทางศบค.ทบทวนมาตรการโดยด่วน และวางแผนรับมือปัญหาที่อาจต้องเผชิญในอนาคตดังที่กล่าวมา เพื่อจะได้ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ

  • Full national lockdown 4 สัปดาห์ และปูพรมตรวจ
  • ชะลอนโยบายเปิดเกาะ เปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ
  • เปลี่ยนนโยบายวัคซีน เร่งหา mRNA vaccines และ Protein subunit vaccine มาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศ 
  • ยุติการฉีดไขว้
  • ระหว่างการรอจัดหาวัคซีนหลัก ควรพิจารณาใช้ Sinopharm สำหรับคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และ Astrazeneca สำหรับคนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

 

การใช้ Rapid antigen test ในยามระบาดรุนแรงแบบที่เราเจออยู่นี้ สิ่งที่ต้องระวังคือ "ผลลบปลอม" แปลว่าคนติดเชื้ออาจตรวจแล้วได้ผลลบ ดังนั้นจึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม ในขณะที่ผลบวกปลอมนั้น โอกาสเกิดน้อยกว่า เพราะชุดตรวจที่ได้มาตรฐานมักมีความจำเพาะสูงพอๆ กับ RT-PCR แต่หากต้องแอดมิทเข้าในรพ. ก็ควรตรวจซ้ำด้วย RT-PCR 


สำหรับประชาชนอย่างเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด


ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า


เราจะอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน
ด้วยรักและห่วงใย
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ

logoline