รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” มีเนื้อหาดังนี้....
สถานการณ์ทั่วโลก 25 กรกฎาคม 2564...
ทะลุ 194 ล้านคนไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 481,720 คน รวมแล้วตอนนี้ 194,362,296 คน ตายเพิ่มอีก 7,916 คน ยอดตายรวม 4,167,659 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินโดนีเซีย อินเดีย บราซิล อเมริกา และสหราชอาณาจักร
...วิเคราะห์สถานการณ์โลกจากข้อมูล Worldometer เช้านี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7% และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้จำนวนที่เพิ่มชัดเจนนั้นเกิดขึ้นในทวีปยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย
สำหรับไทยเรา จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 33% และตายเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยมียอดติดเชื้อเพิ่มรายสัปดาห์เป็นอันดับ 6 และยอดเสียชีวิตรายสัปดาห์เป็นอันดับ 7 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนการติดเชื้อเพิ่มของไทยเมื่อวานนี้ สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และที่น่าวิตกมากคือ จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติมากถึง 4,099 คน เป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ตามหลังเพียงอินเดียและอิหร่านเท่านั้น
...มาตรการที่เรามีตอนนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะกดการระบาดที่รุนแรงแบบที่เผชิญอยู่
ดังจะเห็นได้จากจำนวนการติดเชื้อต่อวันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่พักคอย รพ.สนาม หรือรพ.จริง ที่มีจำนวนสูงกว่าจำนวนที่หายป่วยราว 5-7 พันคนต่อวัน ซึ่งไม่มีทางที่จะจัดหาทรัพยากรสถานที่ คน เงิน ของ มาสนับสนุนได้ทันและเพียงพอ หากเป็นเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้จำนวนจังหวัดที่มีเคสติดเชื้อใหม่ในแต่ละวัน เกิน 100 ราย มีถึง 38 จังหวัด และตั้งแต่ 51-100 ราย มีอีก 14 จังหวัด รวมแล้ว 52 จังหวัด นั่นคือมากถึง 67.5% หรือสองในสามของประเทศ
ดังนั้นโอกาสที่การระบาดจะแพร่กระจายทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีสูง มาตรการเข้มข้นในพื้นที่ 13 จังหวัดจึงยากที่จะหยุดยั้งการระบาดของประเทศได้
ปัญหาที่ควรเตรียมรับมือจากบทเรียนต่างประเทศที่เผชิญมาก่อนเราคือ
ดังนั้นจึงอยากเรียนให้ทางศบค.ทบทวนมาตรการโดยด่วน และวางแผนรับมือปัญหาที่อาจต้องเผชิญในอนาคตดังที่กล่าวมา เพื่อจะได้ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ
การใช้ Rapid antigen test ในยามระบาดรุนแรงแบบที่เราเจออยู่นี้ สิ่งที่ต้องระวังคือ "ผลลบปลอม" แปลว่าคนติดเชื้ออาจตรวจแล้วได้ผลลบ ดังนั้นจึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม ในขณะที่ผลบวกปลอมนั้น โอกาสเกิดน้อยกว่า เพราะชุดตรวจที่ได้มาตรฐานมักมีความจำเพาะสูงพอๆ กับ RT-PCR แต่หากต้องแอดมิทเข้าในรพ. ก็ควรตรวจซ้ำด้วย RT-PCR
สำหรับประชาชนอย่างเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด
ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
เราจะอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน
ด้วยรักและห่วงใย
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ