โจรบุกวัด 3 วันซ้อน ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ พระถูกแทงบาดเจ็บ

23 กรกฎาคม 2564 ชาวบ้านด่านเหนือ ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนระหว่างไทย - กัมพูชา ติดเทือกเขาพนมดงรัก เป็นหมู่บ้านสุดท้าย ติดเขตอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ชาวบ้านถ่ายคลิปขณะเข้าทำการช่วยเหลือพระครูเจ้าวาส วัดด่านเหนือ ที่ถูกโจรบุกเข้ามาทำร้ายด้วยการใช้มีดแทงไปที่ต้นแขนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่โจรจะต่อสู้ ฉกชิงเอาเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปได้จำนวน 2 เครื่อง ชาวบ้านได้ตะโกนร้องเรียกเพื่อนบ้านให้ออกมาช่วยกันไล่จับโจร ทั้งตีฆ้อง ตีกลอง ที่วัด ประกาศหอกระจายข่าวให้ช่วยกันสกัด แต่เหตุเกิดช่วงเวลา 20.00 น. โจรจึงอาศัยความมืดขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ แต่ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นว่าเป็นคนที่ชาวบ้านรู้จัก เพราะขณะเข้ามาช่วยพระครูชาวบ้านบางคนเห็นใบหน้าของโจรด้วย แม้จะใส่หมวกอีโม่งปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งก็ตาม ที่สำคัญโจรชุดนี้กระทำการโดยอุกอาจมาก เนื่องจากว่าบุกเข้ามาปล้นที่วัดแห่งนี้ 3 วันซ้อนติดกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ ได้เข้ามาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานสอบพยานไว้แล้วเบื้องต้นเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

พระครู สมุห์ณัฎร์ ขันติมโน เจ้าอาวาสวัดด่านเหนือ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ภายหลังจากที่สวดมนต์ไหว้พระ ที่ศาลาใหญ่เสร็จแล้ว ก็เดินกลับมาที่กุฏิของตน ที่อยู่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าวัด จากนั้นก็เปิดประตูเข้ามาในกุฏิ เป็นเวลาราว 20.00 น. ไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินตามหลังมา พอหันมาอีกทีก็พบมีชายผอมสูง สวมใส่อีโมงปิดใบหน้าครึ่งหน้า  จู่โจมเข้ามาหาและบอกให้ตนถอยไป พร้อมกับพยายามที่จะเก็บกวาดเอาโน้ตบุ๊กที่วางไว้บนโต๊ะจำนวน 2 เครื่องไป พระเองก็เข้าไปห้ามว่าอย่าทำเลยโยม พร้อมกับพยายามที่จะยื้อยุดฉุดเอาโน้ตบุ๊กกลับมา แต่โจรก็ไม่ยอม แล้วได้ชักมีดปลายแหลม ที่พันด้วยผ้าถุง พร้อมกับจ้วงแทงมาที่บริเวณตรงหัวใจของพระ พระก็ได้เอียงหลบทัน ปลายมีดจึงโดนต้นแขนข้างขวา ได้รับบาดเจ็บเลือดออก จากนั้นพระก็ถอยห่างออกไปโจรจึงได้โอกาสฉกโน้ตบุ๊ก และวิ่งออกประตูไป บังเอิญเจอชาวบ้านที่อยู่บริเวณหน้าวัดพบเห็น จึงเชื่อว่าเป็นโจรที่เคยเข้ามาปล้นก่อนหน้านี้ ชาวบ้านจึงร้องตะโกนบอกกันให้สกัดจับพร้อมกับถ่ายคลิปมือถือเอาไว้ ขณะช่วยพระครูที่บาดเจ็บและไล่ล่า โจรไปตามถนนแต่โจรอาศัยความมืดได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ทันชาวบ้านเชื่อว่าเป็นคนที่ชาวบ้านรู้จักในนามชื่อเล่นว่า “โทน”

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ช่วงเวลา 20.00 น. เช่นกัน ได้มีโจรมาแอบงัดเข้าไปในศาลาการเปรียญ ก่อนที่จะฉกเอาเครื่องขยายเสียงออกทางหน้าต่างที่เป็นกระจก แล้วนำออกทางด้านหลังวัด บังเอิญมีชาวบ้านพบเห็นจึงพากันร้องตะโกนไล่ล่า ตีฆ้อง ตีกลอง โจรจึงได้ทิ้งเครื่องขยายเสียงไว้ที่บริเวณหน้าเมรุ คณะกรรมการวัดจึงได้นำกลับมาไว้ที่ศาลาดังเดิมพร้อมล็อกกุญแจไว้เป็นอย่างดี จากเดิมที่ไม่เคยล็อกประตูศาลามาก่อน แต่ในวันต่อมา วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 พบร่องรอยการงัดห้องของพระครูเจ้าอาวาสทางด้านหน้าต่างติดกำแพงวัดด้านถนน ก่อนที่จะปีนเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สิน สุดท้ายได้เงินที่อยู่ในกระเป๋าย่ามของพระครูจำนวน 12,000 บาทไป และก็มาก่อเหตุครั้งนี้อีก ชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นโจรที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนแถบนี้ และอาจจะเป็นพวกติดยาเสพติด ไม่มีเงินซื้อเสพ จึงได้มาขโมยทรัพย์สินของทางวัด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู ได้นำผู้ที่เสพยามาสอบสวน และจะขยายผลไปยังโจรชายแดนรายนี้ พร้อมไล่เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดตามแนวชายแดน เชื่อว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีในเร็ววันนี้เช่นกัน

ข่าว/ภาพ พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์