นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป/ชุมชน ทั่วประเทศ จัดทำแนวทางการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด 19 ของแต่ละจังหวัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากขณะนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และมีความต้องการที่จะเดินทางกลับไปรักษาตัวตามภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการในแต่ละจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ดำเนินการจัดทำแผนรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่กลับภูมิลำเนา บริหารจัดการเตียง และระบบดูแลการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และการกักตัวในชุมชน (Community Isolation) โดยนำแนวทางที่ส่วนกลางกำหนดปรับใช้ให้ตรงกับบริบทแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรครับผิดชอบจัดทำกล่องสำหรับดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น จัดส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วยที่เข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน ลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต ภายในประกอบด้วย ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยาพาราเซตามอล ยาฟ้าทะลายโจร หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์ ทางส่วนกลางจะจัดส่งยาฟาร์วิพิราเวียร์ ไปในจังหวัดต่าง ๆ ประมาณ 20,000 - 30,000 เม็ด ในวันที่ 24 กรกฎาคม นี้ สำหรับบริหารจัดการภายในจังหวัดเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และทันเวลาในการรักษาผู้ป่วย ในส่วนการตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงในชุมชน ขอให้จังหวัดใช้ชุดตรวจโควิด 19 Antigen Test Kit : ATK แทนการตรวจด้วย RT-PCR เพื่อความรวดเร็วในการค้นหา และแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน ลดการแพร่ระบาด นำเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทันท่วงที และในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 แต่ละจังหวัดจะได้รับการจัดสรรวัคซีนลงไปยังพื้นที่ โดยขอให้แต่ละจังหวัดเร่งดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายก่อน คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง เพื่อลดป่วยรุนแรงและลดการเสียชีวิต