svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สถานการณ์โควิดอาเซียนวิกฤต อินโดฯ หนักกว่าอินเดีย เวียดนาม ยอดนิวไฮ

15 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สถานการณ์โควิด-19 อาเซียนวิกฤต อินโดนีเซีย วันเดียวยอดพุ่ง 54,000 ราย ดับ 991 ราย นักวิทยาการระบาด เผย อินโดนีเซีย กลายเป็นศูนย์กลางระบาดของเอเชียแล้ว เมื่อเทียบกับอินเดีย ขณะที่เวียดนาม พบผู้ติดเชื้อนิวไฮวันเดียว 2,934 คน ระบุ อนุญาตฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ

วันนี้ (15 ก.ค.64) สถานการณ์โควิด-19  ในอาเซียน แต่ละประเทศเริ่มวิกฤตหนัก “อินโดนีเซีย” กำลังเลวร้ายที่สุดในเอเชีย นักระบาดวิทยาออกมาระบุว่า ตอนนี้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของเอเชียไปแล้ว และอาจรวมถึงในโลก เผย สถานการณ์ร้ายแรงกว่าอินเดียมาก ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงของวันพุธพุ่งพรวดเป็นมากกว่า 54,000 คน เสียชีวิตอีก 991 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงอาจเกินวันละ 100,000 รายแล้ว

 

เอเอฟพีกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย รายงานเมื่อ วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564 อินโดนีเซียตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอีก 54,517 คน และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 991 คน เป็นยอดเสียชีวิตรายใหม่ที่สูงกว่ายอดของต้นเดือนมิถุนายนถึง 10 เท่า ทั้งนี้เชื่อกันว่าข้อมูลอย่างเป็นทางการของอินโดนีเซียต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เนื่องจากอัตราการตรวจหาเชื้อต่ำและระบบติดตามโรคไม่ดีนัก

 

วันอังคาร อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นสถิติ 47,899 คน สูงที่สุด นับตั้งแต่อินโดนีเซียเริ่มบันทึกยอดติดเชื้อรายวันเมื่อเดือนมีนาคม 2563 และมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 864 คนในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ดักกี บูดิมาน นักวิทยาการระบาดชาวอินโดนีเซียจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธในออสเตรเลีย กล่าวว่า อินโดนีเซียอาจกลายเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดได้ และตอนนี้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการระบาดของเอเชียแล้ว

 

"หากคุณดูที่ความแตกต่างของประชากรระหว่างอินเดียกับอินโดนีเซีย จะเห็นว่าการระบาดที่นี่ร้ายแรงกว่าอินเดียมาก" เขากล่าว พร้อมกับเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่แท้จริงของอินโดนีเซียอาจสูงเกินวันละ 100,000 คน และอาจเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในสิ้นเดือนนี้ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงวันละ 2,000 คน

 

อินเดียเผชิญการระบาดรุนแรงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 44,000 คน และเสียชีวิต 1,028 คน อินโดนีเซียมีประชากรเกือบ 270 ล้านคน แต่ประชากรอินเดียมีมากกว่าอินโดนีเซียเกือบ 5 เท่า ข้อมูลจากเว็บไซต์ ourworldindata.org ชี้ว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 141 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนอินเดียอยู่ที่ประมาณ 29 คนต่อประชากร 1 ล้านคน

ยอดสะสมผู้ติดเชื้อของอินเดียนั้นมีมากกว่า 30 ล้านราย เสียชีวิตเกิน 400,000 ราย ส่วนอินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 2.6 ล้านคน เสียชีวิต 69,210 คน

 

วันอังคาร อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นสถิติ 47,899 คน สูงที่สุด นับตั้งแต่อินโดนีเซียเริ่มบันทึกยอดติดเชื้อรายวันเมื่อเดือนมีนาคม 2563 และมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 864 คนในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ดักกี บูดิมาน นักวิทยาการระบาดชาวอินโดนีเซียจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธในออสเตรเลีย กล่าวว่า อินโดนีเซียอาจกลายเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดได้ และตอนนี้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการระบาดของเอเชียแล้ว

 

"หากคุณดูที่ความแตกต่างของประชากรระหว่างอินเดียกับอินโดนีเซีย จะเห็นว่าการระบาดที่นี่ร้ายแรงกว่าอินเดียมาก" เขากล่าว พร้อมกับเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่แท้จริงของอินโดนีเซียอาจสูงเกินวันละ 100,000 คน และอาจเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในสิ้นเดือนนี้ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงวันละ 2,000 คน

 

อินเดียเผชิญการระบาดรุนแรงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 44,000 คน และเสียชีวิต 1,028 คน แต่ประชากรอินเดียมีมากกว่าอินโดนีเซียเกือบ 5 เท่า อินโดนีเซียมีประชากรเกือบ 270 ล้านคน ข้อมูลจากเว็บไซต์ ourworldindata.org ชี้ว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 141 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนอินเดียอยู่ที่ประมาณ 29 คนต่อประชากร 1 ล้านคน

 

ยอดสะสมผู้ติดเชื้อของอินเดียนั้นมีมากกว่า 30 ล้านราย เสียชีวิตเกิน 400,000 ราย ส่วนอินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 2.6 ล้านคน เสียชีวิต 69,210 คน

 

ขณะที่เวียดนาม ก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 รุนแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียว 2,934 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เชื้อโควิด-19 ระบาดในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในนครโฮจิมินห์ เมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และ ไฟเซอร์ โดยชาวเวียดนามที่ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็มแรก สามารถเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่สองได้ โดยทิ้งช่วงห่างระหว่างการฉีดประมาณ 8 ถึง 12 สัปดาห์ ซึ่งการประกาศดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่เวียดนามวางแผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ล็อตใหม่ จำนวน 745,000 โดส

logoline