พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงข้อเสนอล็อกดาวส์ประเทศ ว่า ตนได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน ขณะนี้รอข้อเสนอที่เป็นทางการและจะรับพิจารณา พร้อมกับย้ำว่า ศบค. จะฟังกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรก เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ จึงต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา ส่วนจะออกมาตราการแบบไหนจะต้องหารือกันอีกครั้ง โดยขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ซึ่งได้มีมาตราการออกมาเมื่อเมษายน ปี 2563 และหลังจากนั้นเป็นการออกมาตราการปิดกิจการชั่วคราวและลดการเคลื่อนย้าย
ส่วนการประเมินการออกมาตรการจะยังเป็นวันที่ 12 กรกฎาคม หรือไม่ พลเอกณัฐพล ระบุว่า หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็จะมีการประเมินเร็วขึ้นตาม แต่หากมีผู้ติดเชื้อทรงตัวก็จะยังคงเป็นวันที่ 12 กรกฎาคม เช่นเดิม เพื่อการประเมินที่ครบถ้วน แต่ย้ำว่า ไม่ใช่การนั่งรอดูตัวเลขเฉย ๆ แต่จะควบคู่ไปมาตราการอื่นๆ เช่น การควบคุมการเคลื่อนย้าย/การรักษาพยาบาล จัดหาเตียงเพิ่มเติม เป็นต้น
ส่วนการล็อกดาวส์จะเป็นเพียงพื้นที่การแพร่ระบาดของเชื้อเดลต้าหรือเหมือนกันทั้งประเทศนั้น เลขาสมช. ระบุว่า อาจจะไม่เหมือนกัน และเน้นแต่ละพื้นที่ต่างกัน อย่างกทม. และปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นก็ต้องมีมาตราการที่สูงด้วยเช่นกัน เพราะหากเป็นการล็อคดาวหรือเซมิล็อกดาวส์ ก็ต้องมีการประเมินและลดหลั่นไปตามลำดับ
พลเอกณัฐ ยังระบุอีก ว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าล็อคดาวน์ของประเทศ เพราะคำว่าล็อกคือการไม่ให้ไปไหนแต่ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้แต่เมื่อไหร่ที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ไม่ว่าจะเป็นบางห้วงเวลาหรือบางพื้นที่จะต้องมีความชัดเจนในสถานการณ์พร้อมกับย้ำว่า นิยามของคำว่าล็อกดาวน์ของ ศบค. คือเหตุการณ์เมื่อเมษายน 2563 และจะต้องมีมาตรการเพื่อเยียวยาประชาชนรองรับ และข้อมูลที่กระทรวงการคลังแจ้งมาว่า เมษายน 25 63 ใช้งบประมาณเยียวยากว่าเดือน 3 แสนล้าน และยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้อย่างทั่วถึง ศบค. จึงมีการเน้นย้ำ ให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้แต่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยแท้จริงคืออะไร แต่ถามต้นเหตุแท้จริงคือทั้งหมด อาจจำเป็นจะต้องล็อกดาวน์ ซึ่งต้องรับฟังข้อเสนออย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ครม. ได้มีการอนุมัติจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 10.9 ล้านโดส พลเอกณัฐพล ระบุว่า วัคซีนซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพอยู่ และยี่ห้ออื่นยังไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานี้ ถ้าหากรอวัคซีนชนิดอื่นก็จะไม่มีวัคซีนฉีดให้กับประชาชน ประกอบกับวัคซีนแอสตร้าเซเนกาที่ทยอยเข้ามายังมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องฉีดอย่างไร พร้อมย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งหากมีที่ดีกว่าก็จะพิจารณาจัดหายี่ห้ออื่นเข้ามาร่วม
ขณะที่วัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อนหรือไม่ คงต้องแบ่งสัดส่วน เนื่องจากแพทย์บางส่วนมีความเห็นว่า ยังสามารถรอได้ แต่บางส่วนอยู่หน้างานมองว่าเสี่ยงและกังวล จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงขวัญและกำลังใจ ขอรอผลการพิจารณาจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขก่อน ยอมรับว่าศบค. เป็นห่วงบุคลากรทางการแพทย์/ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และพื้นที่การแพร่ระบาด ส่วนวัคซีนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้มา ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้กับชาวต่างชาติด้วย เพราะหากฉีดให้กับคนไทยทั้งหมดโดยไม่ดูแลชาวต่างชาติเลย อาจจะกระทบกับความรู้สึกของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศหรือมีครอบครัวเป็นคนไทย พร้อมย้ำว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ที่จะพิจารณาในสัดส่วนต่อไป
อย่างไรก็ตามวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางมายื่นหนังสือมาขอวัคซีน ซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้ว ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในเดือนนี้หรืออย่างช้าเดือนหน้า หากไม่มีอุปสรรคจะสามารถนำมาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ใช้ได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้บริหารจัดการตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม และตามความสมัครใจต่อไป