
จากกรณีนายมน ลาดกระโทก อายุ68ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 10 ต.เฉลียงอ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนลูกซองบุกยิง นายอาทร ฮือกระโทก อายุ38ปี อยู่บ้านเลขที่100หมู่ที่21ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เข้าที่ใบหน้าทะลุด้านหลัง จนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่4กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เวล า16.30 น. พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฯ เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายหลังจากผู้ต้องหาได้ประสานเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครราชสีมา
ซึ่งนายมน ผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายอาทรจริง โดยก่อนเกิดเหตุ ได้โต้เถียงกันกับนายอาทร ผู้ตายอย่างรุนแรง และนายอาทรฯ ใช้ถ้อยคำด่าหยามตนว่าเป็นไอ้โง่ ตอนที่ตนไปช่วยลากรถให้กับภรรยาผู้ตาย พร้อมกับกล่าวหาว่า ตนเป็นกิ๊กกับภรรยาของนายอาทรฯ ผู้ตาย จึงผูกใจเจ็บและรู้สึกแค้น จากนั้น จึงกลับไปบ้านเอาปืนลูกซองบุกยิงนายอาทร ขณะนั่งอยู่หน้าบ้านพัก แต่พลาด นายอาทรฯ วิ่งหนีไปหลบในบ้านข้างเคียง จึงตามไปที่ประตูแล้วจ่อยิง2นัด โดยกระสุนเข้าที่ใบหน้าด้านขวา1นัด และพลาดหนึ่งนัด เมื่อเห็นนายอาทรฯ เสียชีวิต จึงเดินกลับไปเอารถจักรยานยนต์ที่จอดเอาไว้ ขับหลบหนีไปกบดานในกระท่อมแห่งหนึ่ง เพื่อสงบจิตใจ ก่อนติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวในขณะที่นางภัทราภร ซึมกระโทก อายุ 45 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และด.ช.เก่ง (นามสมมติ) อายุ14ปี ลูกชาย ที่อยู่ในเหตุการณ์และวิ่งหนีตายขอเข้าไปหลบที่บ้านข้างเคียงในหมู่บ้านหนองหว้า ตำบลเฉลียง อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เป็นบ้านของนางนพรัตน์ การัณยวงศ์ อายุ 40 ปี ซึ่งทุกคนต่างตกใจและรู้สึกหดหู่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเพื่อนบ้านเจอหน้ากันประจำ และเกิดเหตุขึ้นต่อหน้าเด็กๆ ทุกคนต่างช็อกกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (6 กรกฎาคม 2564)พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี เปิดเผยว่า คดีไม่ซับซ้อนเนื่องจากมีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ชัดเจน และผู้ก่อเหตุเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้านเนื่องจาก เป็น อป.พร.และ ชรบ.หมู่บ้าน ซึ่งได้เข้ามอบตัวรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงเนื่องจากบันดาลโทสะ โดยวันพรุ่งนี้ ทาง สภ.ครบุรี จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา ส่วนกรณีอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทางพนักงานสอบสวนฯ จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมที่มาที่ไปว่า ได้มาอย่างไร และครอบครองอย่างถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องแจ้งความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตด้วย ซึ่งต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ฯได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน
ข่าวโดย - ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ