svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ยุทธพงศ์" ย้ำจุดยืนเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ลั่นพร้อมเลือกหากยุบสภา

13 มิถุนายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เพื่อไทย ยันจุดยืนแก้รธน.ทั้งฉบับ อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ไข ลั่นพร้อมเลือกตั้งใหม่ หากยุบสภา มั่นใจได้ส.ส.เพิ่มแน่ บอกนายกฯ สอบตกชี้แจงพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน จวกกองทัพเรือ เปิดเพจชวนเชื่อเรื่องเรือดำน้ำ ท้าทำโพลสำรวจความต้องการ

วันนี้ (13 มิ.ย.64) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เพื่อไทยยังยืนยันว่าจะดำเนินการแก้ไข รัฐธรรมนูญ โดยจะยื่นแก้แบบทั้งฉบับตามมาตรา 256 แต่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ส่วนการแก้รายมาตราจะแก้เรื่องสิทธิเสรีภาพของคนไทย ในหมวด 3 และการแก้บัตรเลือกตั้งเป็นแบบ 2 ใบ และแก้ไขมาตรา 272 การปิดสวิสช์ ส.ว. โดยในวันพรุ่งนี้(14มิ.ย.) จะมีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านและแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้ มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากจำกันได้จะพบว่าขณะนี้ พ.ร.บ. ประชามติยังคงค้างอยู่ในสภา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าในวันที่ 22 มิถุนายน ที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา จะนำเรื่องรัฐธรรมนูญเข้าสภาก่อนทั้งที่ควรนำพ.ร.บ.ประชามติเข้าสภาตามลำดับ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจมีการล้มกระบวนการเหมือนครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นก็ได้

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภา ว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อม หากยุบสภาเร็วก็พร้อมที่จะเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นพรรคอันดับ 1 ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ ส.ว.เลือกนายกฯ แต่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ดังเช่นรัฐธรรมนูญปี 40 อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยเป็นแชมป์มาตลอด ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เมื่อเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

สำหรับผลการลงมติ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนั้น การอภิปรายครั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบไม่ตรงคำถามและไม่ยอมตอบสาระสำคัญ กรณีที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ผ่านพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว พรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่า เป็นเหมือนการตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรี 5 แสนล้านบาท เพราะเอกสารการชี้แจงของรัฐบาลไม่มีรายละเอียดในการใช้เงิน มีเพียงระบุว่าเงิน 5 แสนล้านบาท เป็นเงินที่กู้มาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านพยายามบอกว่าให้ออกเป็นพ.ร.บ.งบกลางปี แทนการออกพ.ร.ก.กู้เงิน แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมทำ นอกจากนี้ในการอภิปราย พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่เข้ามาชี้แจงตั้งแต่ช่วงแรก จนมีส.ส.เสนอให้นับองค์ประชุม เมื่อมาแล้วก็ไม่ยอมตอบคำถาม แต่กลับข่มขู่ส.ส.ฝ่ายค้านแทน เช่น การบอกว่าโชคดีในสภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ทั้งนี้ตนถือว่านายกฯสอบตกเพราะชี้แจงไม่ได้ ไม่พูดรายละเอียดพูดแต่สำนวนโวหาร และในช่วงท้ายของการชี้แจงยังต่อว่าส.ส.ที่เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวใต้ถุนสภา ทั้งหมดนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามฝ่ายค้านเลย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและวัคซีน
นอกจากนี้ นายกยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการงบประมาณปี 2565 ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เริ่มประชุมจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงการจัดเก็บรายได้ในปีหน้า รวมจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ส่วนงบประมาณในปีนี้ สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าพิจารณาตั้งอนุกรรมาธิการ 8 คณะ เพื่อพิจารณาแผนงานพื้นฐานและยุทธศาสตร์รวม 8 ด้าน แบ่งเป็น คณะที่ 1 คณะอนุกรรมาธิการฝึกอบรมสัมมนา ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างที่ปรึกษา งบดำเนินงาน งบอุดหนุน งบรายจ่ายและทุนหมุนเวียน ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆที่พิจารณารวมวงเงิน 381,783 ล้านบาท
คณะที่ 2 คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ไอซีที รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 142,378 ล้านบาท คณะที่ 3 คณะอนุกรรมาธิการที่ดินและสิ่งก่อสร้าง วงเงิน 167,716 ล้านบาท คณะที่ 4 คณะอนุกรรมาธิการจังหวัด อบจ. กทม. และพัทยา วงเงิน 55,813 ล้านบาท คณะที่ 5 คณะอนุกรรมาธิการท้องถิ่น วงเงิน 257,314 ล้านบาท คณะที่ 6 คณะอนุกรรมาธิการด้านการศึกษา วงเงิน 176,549 ล้านบาท คณะที่ 7 คณะอนุกรรมาธิการบูรณาการ 1 ด้านการบูรณาการเศรษฐกิจฐานราก บูรณาการรัฐบาลดิจิทัล และท่องเที่ยวภาคใต้ วงเงิน 144,925 ล้านบาท และคณะที่ 8 คณะอนุกรรมาธิการ 2 ด้านทรัพยากรน้ำ วงเงิน 63,251 ล้านบาท
นายยุทธพงศ์ กล่าต่อ การเปิดแฟนเพจเฟซบุ๊กของกองทัพเรือ เพื่อเปลี่ยนแนวความคิดของประชาชนที่มีต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยมองว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำในขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วยังมีการถกเถียงว่าจะซื้อเพิ่มอีก 2 ลำ จึงถอนเรื่องออกไป แต่มาปีนี้ เรื่องนี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง จึงมองว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแก้ไข พร้อมท้าให้มหาวิทยาลัยหรือสื่อมวลชนทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่

logoline