svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กต.แจง ส่งศพแรงงานไทยในอิสราเอลกลับ 26 พ.ค.นี้ พร้อมจัดเที่ยวบินรับกลับ 5 ราย 25 พ.ค.

21 พฤษภาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"กต." คาดส่ง 2 ศพแรงงาน กลับไทยได้ 26 พ.ค.นี้ พร้อมจัดเที่ยวบินรับกลับ 5 ราย 25 พ.ค.ระบุ ติดตามสิทธิประโยชน์ เงินชดเชยคนเสียชีวิต-บาดเจ็บ ขอชาวไทยในอิสราเอล ติดตามข้อมูลข่าวสาร ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอย่างเคร่งครัด

วันนี้ (21 พ.ค.) นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ(กต.)แถลงถึงกรณีที่มีแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 8 ราย จากเหตุระเบิดการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มฮามาสที่นิคมเกษตรกรรม ใกล้ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียดังกล่าว รวมถึงขอเป็นกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย และต่อคนไทยและแรงงานไทยในการฟันฝ่าอุปสรรคต่อไป สำหรับความคืบหน้าของกรณีดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล อยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้าเรื่องการส่งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย กลับประเทศไทย โดยได้ประสานกับบริษัทที่รับผิดชอบดูแลการส่งศพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะดำเนินการส่งศพกลับไทยได้หลังจากสถาบันนิติเวชของอิสราเอลอนุมัติให้นำศพออกจากสถาบัน

นายธานี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากแรงงานไทยทั้ง 2 รายนี้ มีประกันสุขภาพที่ทำไว้กับทางการอิสราเอล จึงจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และคาดว่าจะส่งศพกลับประเทศไทยได้ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสาน ติดตามสิทธิประโยชน์ รวมทั้งเงินชดเชยที่ผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพึงได้รับจากสถาบันประกันแห่งชาติของอิสราเอล และยังจะได้รับเงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยกระทรวงแรงงานต่อไป ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล Soroka เมือง Beer Sheva โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยนั้น ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่มี 1 รายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงยังอยู่ระหว่างการรักษา

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จำนวนแรงงานไทยในอิสราเอลปัจจุบันมีประมาณ 25,000 คน ส่วนใหญ่ทำงานในชุมชนและนิคมการเกษตร ทั้งนี้มีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ใกล้กับฉนวนกาซาประมาณ 4,000 คน สำหรับการดูแลช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอลและปาเลสไตน์ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประกาศเตือนคนไทยที่พำนักในแต่ละพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวัง พร้อมแจ้งแนวการปฏิบัติตัวเมื่อได้ยินเสียงไซเรนแจ้งเตือนภัย และได้ประสานงานกับหัวหน้าแรงงานไทยในพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามผลกระทบกับคนไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ย้ำกับนายจ้างให้จัดหาที่พักที่ปลอดภัย เหมาะสม และอยู่ใกล้กับเชลเตอร์ให้แรงงาน นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ติดต่อกับผู้ประสานงานนักศึกษาไทยที่เข้าร่วมโครงการศึกษาด้านพืชศาสตร์ในเขตอราวา ซึ่งปีนี้มีนักศึกษาไทยเข้าร่วมโครงการดังกล่าว 80 คน โดยนักศึกษาไทยทุกคนปลอดภัยดี

นายธานี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอิสราเอลอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ยกคำขอเรื่องนี้ต่อนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลโดยตรง ระหว่างการบรรยายสรุปสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ต่อคณะทูตต่างประเทศในอิสราเอล เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำให้ฝ่ายอิสราเอลช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยของแรงงานไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้สั่งการหน่วยงานในพื้นที่ต่างๆ ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความปลอดภัยของพลเรือนและแรงงานไทยทั้งหมด นอกจากนี้ นายกฯอิสราเอลได้ตีพิมพ์สารแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของแรงงานไทยทั้ง 2 ราย ลงในสื่อท้องถิ่นของอิสราเอล 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการอิสราเอลได้ส่งบังเกอร์เคลื่อนที่ไปยังนิคมเกษตรต่างๆที่มีแรงงานไทยทำงานอยู่ด้วย

นายธานี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศขอให้ชาวไทยในอิสราเอลทุกคนติดตามข้อมูล ข่าวสาร ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และเมื่อมีเสียงไซเรนเตือนภัย ขอให้ทุกคนรีบเข้าในสถานที่หลบภัย ขณะที่ทางกระทรวงฯ กำลังเตรียมแผนอพยพคนไทยออกจากอิสราเอลไว้แล้ว หากมีความจำเป็น โดยในชั้นนี้ มีคนไทย 5 คนที่แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับไทย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานจัดหาเที่ยวบินเพื่อนำคนไทยกลับประเทศในวันที่ 25 พ.ค.นี้ และหากแรงงานไทยคนใดประสงค์จะขอย้ายออกจากพื้นที่อันตราย สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยินดีช่วยประสานให้ตามที่ร้องขอ ซึ่งล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานย้ายแรงงานไทย 9 คน จากนิคมอุตสาหกรรม Nativ HaAsara ออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย ห่างจากพรมแดนประมาณ 3 กิโลเมตร หากเกิดกรณีฉุกเฉินและต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 054-636-8150 หรือส่งข้อความทางอินบ็อกซ์ในเฟซบุ๊กเพจ "Royal Thai Embassy, Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว)"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แจ้งเตือนคนไทยในอิสราเอลด้วยว่า เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน เมื่อได้ยินเสียงไซเรน ขอให้รีบเข้าไปในบังเกอร์ชั่วคราว ห้องนิรภัย หรือบังเกอร์หลบภัยใต้ดินที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว แต่หากไปสถานที่หลบภัยไม่ทัน ควรนอนราบกับพื้นและปกป้องศีรษะด้วยมือ อีกทั้งไม่วิ่ง ไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่ถ่ายคลิปวิดีโอ และไม่ถ่ายรูปหรือออกมาดูระเบิด เพราะจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และรอดูสถานการณ์เป็นเวลา 10 นาที รวมถึงขอให้เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินใส่ของสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ยาที่ใช้ประจำ น้ำดื่ม ฯลฯ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ขอให้กรุณาติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 054-646-8150

logoline