
19 พฤษภาคม 2564 เมื่อเวลา10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 11 บ้านดอนแคน ต.ผักตบ อ.หนองหาน โดบพบแต่ นายกำธรสิงสาธร อายุ 55 ปี ตาของด.ญ.ภริดา ใต้ชมพู หรือ น้องเนเน่ อายุ 5 เดือน 14 วัน ซึ่งเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเย็นวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีญาติพี่น้องกำลังจัดเตรียมสถานที่รอรับศพน้องเนเน่ ที่มีการส่งไปทำการผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อผ่าหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเช้า โดยทางบ้านได้นำโลงเย็นที่ใช้บรรจุศพของน้องเนเน่ ออกไปจากบ้าน ตามความเชื่อของคนอีสานว่า ถ้าโลงยังไม่มีศพอยู่ ห้ามนำมาวางในบ้าน และห้ามเตรียมของอะไรไว้แต่ทั้งนั้นทางบ้านได้ทำการกางเต้นท์ จัดโต๊ะ เก้าอี้ และจัดเตรียมสิ่งของใช้ประจำตัวของน้องเนเน่ เพื่อจะนำไปวางไว้ที่หน้าโลงศพของน้องเนเน่ เมื่อนำศพกลับมาบ้าน โดยมีเพียง นายกำธร สิงสาธร ตาของน้องเนเน่ อยู่ที่บ้าน กับญาติ ๆ เท่านั้น ส่วนน.ส.ศิริพร สิงสาธร อายุ 33 ปี และ นายพงษ์เทพ ใต้ชมพู อายุ 34 ปี แม่และพ่อของน้องเนเน่ ลูกสาวคนสุดท้อง ที่เพิ่งเสียชีวิตไป ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เช้า เพื่อไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง
นายกำธร สิงสาธร ตาน้องเนเน่ เปิดเผยว่า ตอนนี้ศพน้องเนเน่ได้ส่งไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายเนเน่ โดยมี นางวิไลวรรณ สิงสาธร ยายของน้องเนเน่ เดินทางไปด้วย เพื่อที่ตนจะได้สบายใจด้วยว่าหลานเสียชีวิตได้ยังไง เพราะว่าหลานของตนสามคนแล้ว ที่มาเสียชีวิตคล้ายกันทั้งหมด ซึ่งคนแรกน้องพอร์ชเสียชีวิตตอน 2 เดือน 14 วัน คนที่สองน้องปาร์ตี้เสียชีวิตตอน 1 เดือน 14 วัน คนที่สามน้องเนตรตอนนี้อายุ 2 ปี ยังไม่เสียชีวิต และคนสุดท้ายน้องเนเน่เสียชีวิตตอน 5 เดือน 14 วัน โดยที่ตนแปลกใจหลานทุกคนลงท้ายด้วย 14 วันทั้งหมดเลย ซึ่งคนที่หนึ่งและคนที่สองไม่ได้ชันสูตรการเสียชีวิต แต่พอมาน้องเนเน่เลยตัดสินใจชันสูตร เพื่อจะได้รู้สาเหตุการเสียชีวิต
นายกำธรฯ เปิดเผยต่อว่า ความรู้สึกของตนตอนนี้ไม่อไรจะคิด และช้ำใจแล้ว เพราะว่ามันเกิดเหตุกับครอบครัวของตนทุกอย่าง ซึ่งความเสียใจมันก็เริ่มมากจากที่เสียหลานคนแรกไปแล้ว โดยทางพ่อกับแม่ของน้องก็ได้ไปดูหมอ ก็เห็นว่าแม่ของน้องเป็นดวงกินลูก แต่ตาก็มีความเชื่อไปด้วยกับแม่ของน้องอยู่ โดยตนก็ได้พาแม่ของน้องเนเน่ไปทำพิธีแก้มาแล้ว และมันก็เงียบหายไปนาน จนมาเกิดขึ้นกับน้องเนเน่
ต่อมาเวลา 13.30 น.ทาง นางวิไลวรณ ยายของน้องเนเน่ ได้นำศพกลับมาจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยรถรับส่งผู้ป่วยโรงพยาบาลหนองหาน มาถึงที่บ้าน โดยทางญาติได้นำศพน้องใส่ในโลงเย็นอีกครั้ง เพื่อเตรียมประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมในช่วงค่ำวันนี้ ก่อนที่จะนำร่างไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดประจำหมู่บ้านในวันพรุ่งนี้ โดยทางนางวิไลวรรรณ ยายของน้องเนเน่ ได้นำหนังสือรับรองสาเหตุการเสียชีวิตของน้องมาจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ด้วย ซึ่งหนังสือรับรองระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า "หัวใจล้มเหลว"
หลังจากนั้น นางวิไลวรรณ สิงสาธร ยายน้องเน่เน่ เปิดเผยว่า หลังจากที่แพทย์ทำการผ่าชันสูตรร่างของน้องแล้ว มีผลออกมาว่าน้องมีอาการผิดปกติหัวใจพองโต และมีเส้นเลือดเข้าหัวใจเพิ่มเป็น 3 เส้น เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ตนก็คิดว่าหลานที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ ก็คงจะเป็นอาการเดียวกันกับน้องเนเน่ เพราะอาการคล้ายกัน ซึ่งในครอบครัวตนมีคนเป็นโรคหัวใจ มีลูกสาวคนโตเป็นโรคหัวใจโต แล้วก็เสียชีวิตจากโรคหัวใจโต แต่ตนก็ยังสงสัยว่า ทำไมหลานทั้งสามคนที่เสียชีวิตต้องมาลงท้ายเกี่ยวกับเลขตัว 14 วันทั้งหมด ตนอยากรู้ว่ามันมีความหมายอะไร
ส่วนน้องเนตร วัย 2 ขวบ หลานคนที่สาม ที่ไม่เสียชีวิต หมอได้บอกว่า มันมีส่วนของเรื่องโรคหัวใจอยู่ และน้องก็เป็นลิ้นหัวใจรั่วด้วย ซึ่งก็มีการผิดปกติของหัวใจอยู่ โดยเราจะดูแลน้องเนตรให้ดีที่สุด ซึ่งในส่วนของการเสียชีวิตในเรื่องผลการตรวจนั้น ฉันก็หมดความสงสัยในการเสียชีวิตของหลาน ที่ไม่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนตามกำหนดของเด็กแรกเกิดยายน้องเน่เน่ กล่าว
ขณะที่ นางวิยดา จดจำ อายุ 43 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ที่ดินในหมู่บ้านนี้มันเป็นป่าช้าเก่าที่ใหญ่ ที่ให้ชาวบ้านมาอยู่อาศัย ส่วนบ้านที่เด็กเสียชีวิตนั้น ที่ทราบจากเพื่อนบ้านเขาว่ามันมีจอมปลวก แต่จริงหรือไม่จริงเราก็ไม่รู้ เพราะบ้านของตนอยู่ไกลจากที่นี่ รู้แต่ว่าที่ดินตรงนี้เป็นป่าช้า และก็รู้ว่าลูกของเขาเป็นแบบนี้มา 3 คนแล้ว นอกนั้นตนก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นเท่าที่รู้มาเด็ก ๆ ก็ป่วย เขามีลูก 3 คน ตายไป 2 คน เป็นอาการที่เด็ก ๆ เอาแต่ร้องไห้ และเด็กก็มีโรคประจำตัว แต่ก็มีลูกของคนรู้จักที่ตอนนี้เดินได้แล้ว ซึ่งแต่ก่อนเด็กก็มีอาการแบบเดียวกัน ที่อยู่ดีดีก็เอาแต่ร้องไห้ ก็มีหมอมาดูแบบไสยศาสตร์ ซึ่งคนบ้านเราก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ ซึ่งตนก็คิดว่าเหตุที่เกิดขึ้นคงจะมาจากเรื่องที่มาปลูกบ้านหรือเปล่า แต่ส่วนตัวแล้วตนก็เชื่อ ซึ่งจอมปลวกที่ว่าก็อยู่ที่บริเวณบ้านของเขา จนมาล่าสุดลูกสาวเขาก็มาตายไปอีกคน มีรอดแค่คนเดียว จึงไม่รู้ว่าบ้านเขามีอะไรไหม
นางบุญชู บำรุงพักดี อายุ 70 ปี เพื่อนบ้านอีกคน เปิดเผยว่า ก่อนที่เด็กสุดท้ายจะเสียชีวิต มีอีกาหนึ่งตัวตกลงมาแล้วร้อง แล้วอีกาก็บินขึ้นไป ตนยังเอาหินมาปาอีกามัน จนมันบินหนีไปที่ต้นมะม่วง ซึ่งเหตุเกิดก่อนที่เด็กจะเสียชีวิตประมาณ 4-5 วัน โดยตนก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้ตนมีความเชื่อว่าเป็นลางสังหรณ์ที่มีอีกามาบินผ่านบ้าน ซึ่งทางที่ออกไปจากบ้านตนก็พากันมีคนตายไป 3-4 ศพ หลายปีก่อนก็มีอีกามาบินร้องเกาะต้นไม้ที่กระท่อมนา กลางคืนมาก็นอนหัวใจล้มเหลวตาย ส่วนเรื่องที่เด็ก ๆ เสียชีวิต มันเป็นเพราะอะไรตนก็ไม่รู้ แต่คนโบราณว่ามีแต่ซางมากินโรค ส่วนจะแก้ไขยังไงตนก็ไม่รู้ คงต้องให้พ่อแม่เด็กเป็นคนทำ เพราะตนเป็นแค่เพื่อนบ้านเท่านั้น