22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ มีชาวบ้านในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้ทยอยกันมาเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ หลังจากที่เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ตำรวจชุดกองปราบนำโดยพ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป.นำกำลังบุกเข้ารวบผู้ประกอบการโรงแรม และร้านค้า ที่มีพฤติกรรมทุจริตในโครงการเที่ยวทั่วไทย หรือโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ หลังสืบทราบว่ามีผู้ทุจริตในลักษณะดังกล่าวสูงกว่า 9,000 ราย และสามารถเข้าจับกุมได้รวม 36 ราย
มีการตรวจสอบพบว่ามีโรงแรมกระทำความผิดในลักษณะทำการเปิดแอปถุงเงิน เพื่อให้ประชาชนได้มาใช้สิทธิ์ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เข้าไปใช้ในแอปเป๋าตัง เพื่อนำมาใช้กับแอปถุงเงินของธุรกิจโรงแรมของตนเองในพื้นที่ อ.แก้งคร้อ และ อ.หนองบัวแดง ที่อ้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นแหล่งรองรับคูปองหรือส่วนลดดังกล่าว 2 แห่ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีชาวบ้าน หลงเชื่อเข้าร่วมกับขบวนการดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งได้มีการส่งรายชื่อให้กับตำรวจแต่ละพื้นที่ เพื่อเรียกชาวบ้านที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมในวันนี้ ซึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ พบมีชาวบ้านถูกหลอกเอาบัตรประชาชนไปใช้สิทธิ์เที่ยวทั่วไทย และคนละครึ่ง เพื่อแลกกับเงิน 800 บาท เบื้องต้นรวมจำนวนมากกว่า 780 คน
โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ทั้งหญิง และชาย ที่มาจากชุมชนชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.ในเมือง จ.ชัยภูมิ มากกว่า 100 คน ได้ทยอยเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชับภูมิ ในวันนี้ซึ่งต่างบอกว่ามีคนรู้จักกันในหมู่บ้าน ได้มาหลอกเอาบัตรประชาชนไปถ่ายสำเนาบัตรไปเพื่อแลกกับการให้เงินจำนวน 800 บาท
นางสายัญ วงษาเนาว์ อายุ 69 ปี ชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่ หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.ชัยภูมิ หนึ่งในชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อครั้งนี้ บอกว่า มีคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านได้มาชักชวนหากอยากได้เงิน 800 บาทจากรัฐบาล ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนหน้าหลังไปแลกกับ 800 บาท โดยไม่รู้ว่าเขาจะไปทำการทุจริตโครงการดังกล่าวเลย ด้วยความอยากได้เงินจึงมอบสำเนาบัตรประชาชนให้ไป มารู้ตัวว่าถูกหลอกเอาบัตรประชาชนไปใช้สวมสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เมื่อตำรวจได้ไปแจ้งให้มารายงานตัว จึงเดินทางมาพร้อมเพื่อนชาวบ้านในหมู่บ้านที่ถูกหลอกด้วยกันอีกจำนวนมากเช่นกัน
เช่นเดียวกับ นางสุวรรณ ดิเรกศรี อายุ 76 ปี ที่เปิดร้านของชำในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ ได้บอกว่า ตนเองเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ถูกหลอกเอาสำเนาบัตรประชาชนไปเพื่อแลกกับเงิน 800 บาท ไปลงทะเบียนคนละครึ่งด้วยเช่นกัน และยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการทุจริตโครงการของรัฐในครั้งนี้เลย