บูรณาการด้านการศึกษา "โรงเรียน Stand Alone"

ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯรักษาราชการในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโรงเรียน Stand Alone "โรงเรียนบ้านองหลุ"สพป.กาญจนบุรี เขต 1 ตามนโยบายบูรณาการด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี, รองผอ.สพป.กาญจนบุรี เขต 1 และคณะทำงานโรงเรียนบ้านองหลุ มีข้าราชการครู 3 คน ครูอัตราจ้าง 2 คนโดยส่วนใหญ่เป็นครูที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ มีนักเรียนรวมทั้งหมด 51 คน (ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ประถมศึกษาปีที่ 6)

สภาพทางภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีความยากลำบากในการเดินทางโดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ถึงโรงเรียน 4 ชม. ระยะทาง 180 กม. โดยการเดินทางด้วยรถยนต์ข้ามแพขนานยนต์ ต่อด้วยรถยนต์ จนถึงท่าเรือ เพื่อเดินทางต่อด้วยเรือหางยาว 1 ชั่วโมง ขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านองหลุ เดินทางด้วยรถขนพืชผลรถไถทางการเกษตรพ่วงท้าย (รถอีแต๊ก) เส้นทางถนนลูกรัง 4 กม.ถึงโรงเรียนบ้านองหลุ นอกจากนี้ บริเวณหน้าติดน้ำ หลังติดภูเขา ที่มีประมาณ 120 ครัวเรือน ในหมู่บ้านจะมีเพียง 1 โรงเรียนและมีวัดเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนเป็นอย่างดีเห็นได้จากการแต่งกลอนที่เป็นเรื่องราวของพระสงฆ์ จาก นร.ชาย ชั้น ป.5 ในคาบเรียนการแต่งกลอนภาษาไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก

รักษาการ ผอ.โรงเรียน, คณะครู และคณะกรรมการสถานศึกษา ให้ข้อมูล แจ้งปัญหาของโรงเรียนเรื่องไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้จึงเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะการเรียนการสอนด้วย DLTV รกน.ผตร.ศธ.จึงได้ประสานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อขอความอนุเคราะห์บันทึกรายการการสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในทุกรายวิชาใส่ ExternalHD ซึ่งได้ประสานในเบื้องต้นแล้ว คาดว่า ภายใน 2 สัปดาห์ จะแล้วเสร็จ และปัญหาเรื่องไฟฟ้า ได้ให้รักษาการ ผอ.โรงเรียนดำเนินการประสานข้อมูลเรื่องการติดตั้งแผง Solar Cell เนื่องจากมีบางส่วนชำรุดทำให้กำลังไฟไม่เพียงพอ ซึ่งจะดำเนินการหาวิธีแก้ปัญหาในลำดับต่อไป หลังจากนั้นได้มอบเงินและสิ่งของต่างๆ ให้กับเด็กนักเรียนทุกคนของโรงเรียน จำนวน 51 คน ได้แก่

1. เงินจากคุณขนิฏฐา สิทธิสารให้นักเรียนคนละ 100 บาท รวม 5,100 บาท2. หน้ากากอนามัยจากท่านผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม3.อุปกรณ์เครื่องเขียน จากท่านสันติสุข ภูมิสุทธินันท์ 4.ชุดตัวต่อ Lego จำนวน15 ชุด ให้นักเรียน, ขนมและเครื่องดื่มชงต่างๆให้คณะครู จากทีมงาน รกน.ผตร.ศธ.

สิ่งที่น่าชื่นชมของโรงเรียนบ้านองหลุแม้ว่าตั้งจะอยู่ห่างไกล และความไม่พร้อมในหลายๆด้าน เช่น ไฟฟ้า น้ำประปาระบบสื่อสาร แต่ได้พบว่ามีการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพนักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้ กล้าแสดงออก มีไหวพริบและมีทักษะในการสื่อสารที่คล่องแคล่วแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของโรงเรียนอย่างชัดเจน ที่ว่า  "อยู่ด้วยรัก"  รักการเรียนรู้, รักษาธรรมชาติ และรักส่วนรวม "โรงเรียนเพียงหลวง 3 (บ้านเหมืองแร่อีต่อง) ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี"  โรงเรียน Stand Alone ที่เป็นโรงเรียนนำร่องของ สพป. กาญจนบุรี เขต 3

ซึ่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ รกน.ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช พร้อมด้วยศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี, รอง ผอ.สพป.กาญจนบุรีเขต 1 รอง ผอ.สพป.กาญจนบุรี เขต 3และคณะทำงาน เดินทางไปนิเทศติดตามการดำเนินงานตามนโยบายบูรณาการด้านการศึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 โรงเรียนตั้งอยู่กลางหุบเขาติดแนวเขตชายแดนประเทศเมียนมาร์ การเดินทางโดยรถยนต์ มีเส้นทางขึ้นเขาตลอดระยะทางมีโค้งรวมแล้วถึง 399 โค้งจึงใช้เวลาในการเดินทางจากตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ถึง 4ชั่วโมงด้วยระยะทาง 220 กม. มีผู้บริหาร 1 คนข้าราชการครู 4 คน ครูอัตราจ้าง 2 คนเจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียน 1 คน มีจำนวนนักเรียนรวมทั้งสิ้น 46 คน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (สาขาหลัก : บ้านเหมืองแร่อีต่อง)มีห้องเรียนสาขา 2 แห่ง ได้แก่ ห้องเรียนสาขาพระธาตุโบอ่องและห้องเรียนสาขาบ้านใหม่ไร่ป้า

ผอ.โรงเรียน และคณะครูแจ้งถึงสภาพปัญหาของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในส่วนของกระแสไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอในการใช้งานเนื่องจากใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ ปตท.ร่วมกับหมู่บ้านมีการติดตั้งเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าใช้งานเองในกรณีไฟฟ้าไม่เพียงพอแต่ยังประสบปัญหาในส่วนของงบประมาณในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอยากได้รับการช่วยเหลือในส่วนของระบบกระแสไฟฟ้าเร่งด่วนที่สุดเพื่อให้การจัดการเรียนรู้เกิดประสิทธิผลสูงสุดแก่ผู้เรียน แนวทางในการบริหารจัดการการเรียนการสอนรวมถึงกิจกรรมเสริมอื่นๆของโรงเรียนพบว่าเนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากโรงเรียนจึงมีการบูรณาการ การจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนตามความถนัดและสนใจในด้านการฝึกทักษะอาชีพ รวมทั้งเปิด school stay ให้นักท่องเที่ยวพักฝึกให้นักเรียนทำเบเกอรี่ (เค้กส้ม) ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือเนื้อเค้กไม่ติดมือเพราะมีเนยเป็นส่วนผสมครีมเค้กมีรสชาติอร่อย แป้งเค้กสามารถแช่เย็นได้7 วันโดยเนื้อเค้กไม่แข็งกระด้างและได้รับรางวัลเหรียญทอง การแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2562นอกจากนี้ได้เปิดร้านกาแฟสด นักเรียนเป็นบาริสต้า ชงเครื่องดื่มต่างๆขายให้กับนักท่องเที่ยวในชุมชน ทำให้นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน มีเปิดบาร์เบอร์นักเรียนเป็นคนตัดผม โดยได้รับความร่วมมือจากจิตอาสา เจ้าของร้านตัดผมจากตัวเมืองกาญจนบุรีมาสอนให้นักเรียน 

นอกจากนี้ ยังมีการนวดแผนไทยโดยได้มีเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยจากโรงพยาบาลทองผาภูมิมาเป็นวิทยากรให้ หลังจากนั้นคณะนิเทศติดตามได้มอบเงินและสิ่งของต่างๆ ให้กับเด็กนักเรียนทุกคนของโรงเรียนจำนวน 46 คน ได้แก่ 1.เงินจากคุณขนิฏฐา สิทธิสารให้นักเรียนคนละ 100 บาท รวม 4,600 บาท2.หน้ากากอนามัยจากท่านผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม 3.อุปกรณ์เครื่องเขียน จากท่านสันติสุข ภูมิสุทธินันท์ 4.ชุดตัวต่อ Lego จำนวน15 ชุด ให้นักเรียน, และมอบกระเช้าให้คณะครูจากทีมงาน รกน.ผตร.ศธ.

สิ่งที่น่าชื่นชม ครูเก่งขยันและวางระบบการทำงานเป็นทีมของนักเรียนได้เป็นอย่างดีโรงเรียนฝึกให้นักเรียนมีทักษะด้านอาชีพ และนักเรียนมีรายได้เสริมของตนเองโดยมีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกสทช.และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้มาจัดตั้งศูนย์ICTเป็นศูนย์การเรียนรู้แห่งปิล็อคมีคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนและประชาชนทั่วไปจำนวน 10เครื่อง และสนับสนุนงบประมาณในการดูแลศูนย์ ICT โดยมีเด็กชายแม็กจริยกุลพาณิชย์ เป็นอาสาสมัครดูแล ทำให้มีรายได้ทุกเดือน เดือนละ 2,000 บาท นอกจากนี้ ยังแบ่งกลุ่มของนักเรียน ที่ดำเนินการต่างๆ เช่น  School Stay, ร้านตัดผม,นวดแผนไทย โรงเรียนจะแบ่งรายได้ให้นักเรียน 50%ร้านกาแฟ,เบเกอรี่, น้ำพริก, ขนมไทย, การแปรรูปผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น เช่น กล้วยฉาบมันฉาบ เผือกฉาบ โรงเรียนจะแบ่งรายได้ให้นักเรียน 40%จากยอดขายที่ขายได้จากนักท่องเที่ยวและชุมชน

นอกจากนี้การทำงานเป็นทีมของนักเรียนทั้งโรงเรียนโดยมีพี่ ป.6 ทั้ง7 คน จะเป็นพี่ใหญ่และขอกำลังเสริมจากน้องๆผ่านวิทยุสื่อสารในโรงเรียน ซึ่งดำเนินการอย่างคล่องแคล่ว โดยมี ดร.ธวัชชัย  เป็นครูประจำชั้นและนางศราพรเจริญสุข   ผอ.โรงเรียน โดยยึดหลักที่ว่าไม่ให้ครูทิ้งนักเรียนรวมทั้งมีการดูแลความปลอดภัยของนักเรียนจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(covid -19)  สร้างความตระหนักแก่ครูและนักเรียน ทั้งยังสร้างฉากกั้นที่โต๊ะนักเรียน เพื่อรักษาระยะห่าง แสดงถึงความ ใส่ใจในนักเรียนอย่างแท้จริง