23 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ น.ส.รักษิณา ทวยไธสง อายุ 42 ปี ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้พา ด.ช. เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ลูกชายซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านโนนสาวเอ้ ต.หินเหล็กไฟ เข้าแจ้งความ ที่ สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง ว่าถูกครูผู้ชายในโรงเรียนสอนวิชาหน้าที่พลเมือง ทำร้ายด้วยการชกต่อยจนใบหน้าเขียวช้ำ ขามีรอยแผล
จากการสอบถาม ด.ช.เอ นักเรียนชั้น ม.1 ที่ถูกครูทำร้าย เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (22 ม.ค.) ตนกับเพื่อนกำลังหยอกล้อกันบนอาคารเรียน เป็นจังหวะที่ครูโจ๊ก เดินผ่านมาพอดี ทำให้เท้าตนไปเหยียบโดนเท้าครูโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงได้ยกมือไหว้ขอโทษ แต่ครูโจ๊กกลับใช้มือตบที่หัว 1 ครั้ง จากนั้นตนเองกับเพื่อนก็เดินแยกย้ายกันไป แต่พอตนเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคารเรียน ครูโจ๊กได้เดินตามมา พร้อมท้าต่อยกับตัวเอง จึงตอบเป็นภาษาอีสานไปว่า "บ่ๆ" หมายถึง "ไม่ๆ" จากนั้นครูโจ๊ก ก็แสดงความไม่พอใจ แล้วผลักตนให้ล้มลง ก่อนจะใช้หมัดชกต่อยตามใบหน้าหลายครั้ง จนครูในโรงเรียนเห็นแล้วมาแยกออก หลังจากนั้นก็ไม่เห็นครูโจ๊กอีกในวันนั้น
ด้าน น.ส.รักษิณา ทวยไธสง แม่น้องเอ ก็บอกว่า หลังจากลูกชายมาเล่าให้ฟังว่าถูกครูทำร้าย และเห็นร่องรอยเขียวช้ำที่ใบหน้าของลูก ก็รู้สึกตกใจและเสียใจมาก ไม่คิดว่าครูจะทำรุนแรงถึงขนาดนี้ จึงได้พาลูกไปแจ้งความที่ สภ.หินเหล็กไฟ พร้อมทั้งได้พาลูกไปตรวจร่างกายที่ รพ.คูเมือง ซึ่งหมอก็ได้ยามากิน ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสหรือกระทบกระเทือนสมอง
ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันนี้ (23 ม.ค.) พ่อของครูโจ๊ก ก็ได้เดินทางมาขอโทษตนเองและลูกชายที่บ้าน พร้อมมอบเงินทำขวัญให้จำนวนหนึ่ง ซึ่งพ่อของครูโจ๊ก บอกว่าลูกชายมีภาวะเครียดควบคุมอารมณ์ไม่ได้ต้องไปรับยากับหมอมารับประทานประจำ แต่ช่วงนี้อาจจะไม่ได้กินยาประกอบกับมีความเครียดจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น แม่น้องเอ จึงไม่ติดใจเอาความ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้อยากให้เรื่องบานปลายใหญ่โต เพราะห่วงสภาพจิตใจลูกชายที่ยังต้องเรียนที่นี่ต่อ หากครูคู่กรณีสำนึกผิดก็ให้อภัยแต่ต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้ไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก โดยได้ลงบันทึกการไกล่เกลี่ยเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม แม่ฝากถึงครูคนอื่นๆ ด้วยว่า ควรจะควบคุมอารมณ์ไม่ควรใช้อารมณ์หรือกระทำกับเด็กรุนแรงแบบนี้อีก หากเด็กทำผิดก็ควรจะลงโทษให้เหมาะสม ไม่ควรใช้กำลัง