ปัจจุบันได้รับการรักษาตัวและมีอาการดีขึ้นตามลำดับ ข้อมูลจากการติดตามผู้สัมผัสและการตรวจทางห้องปฏิบัติการณ วันที่ 2 ธ.ค. 2563 เวลา 10.00 น. พบว่าได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้แล้ว 88คน จากทั้งหมด 90 คน ทราบผลตรวจแล้วเป็นลบทั้งหมด
โดยทุกคนอาการปกติดีจะได้รับการกักกันภายในสถานที่ที่กำหนดและติดตามโดยเจ้าหน้าที่จนครบ 14 วันนอกจากนั้นยังได้ตรวจผู้สัมผัสในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำและกลุ่มอื่น ๆร่วมด้วยไปแล้วทั้งสิ้นรวม 523 ราย ทั้งหมดผลเป็นลบจากข้อมูลดังกล่าวทำให้มั่นใจได้ว่า
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานของการแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยทางคณะกรรมการโรคติดต่อจะได้ดำเนินการติดตามผู้สัมผัสโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงอย่างใกล้ชิดตลอดระยะจนครบ14 วันหลังจากการสัมผัสวันสุดท้าย
จังหวัดเชียงใหม่ได้ยกระดับมาตรการในการป้องกันโรคทั้งจังหวัดโดยให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคทุกระดับ ออกตรวจตรา ติดตามและกำชับให้สถานประกอบการทุกประเภทในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้เข้าไปใช้บริการในสถานประกอบการของตนโดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสบู่และการลงทะเบียนในแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" โดยรายงานผลการปฏิบัติให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ทราบทุกวันพร้อมทั้งสุ่มตรวจโรคโควิด-19 ในเชิงรุกสำหรับพนักงานที่มีโอกาสสัมผัสกับบุคคลอื่นในสถานประกอบการทุกแห่ง
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้อาสาสมัครโควิดหมู่บ้าน - ชุมชนค้นหาผู้เข้าไปในหมู่บ้านหรือชุมชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นอีกทั้งได้สั่งการให้บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อำเภอชายแดนทุกอำเภอจัดชุดลาดตระเวนช่องทางเข้าออกธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการกักตัวตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดและจังหวัดเชียงใหม่ได้หารือกับภาคเอกชนในการร่วมกันวางมาตรการและแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จังหวัดเชียงใหม่จึงได้ดำเนินการตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.)อย่างเข้มงวดในทุกสถานที่ และการดูแลตนเองของประชาชน