นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์ ข้อความในเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/supathasuwannakit ระบุว่า หลังมีข่าวว่า นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ผู้ถือบัตรทอง สามารถรักษาได้ทุกที่ โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว เป็นการคลายล็อคบัตรทอง รักษาได้ทุกที่ไม่เป็นความจริง กรณีดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด
ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการการแพทย์ปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ คือจะไปโรงพยาบาลอำเภอไหนก็ได้ แต่จะตรงไปยัง โรงพยาบาลการแพทย์เฉพาะทางไม่ได้ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลราชวิถี ทำเช่นนั้นโดยตรงไม่ได้ ตามขั้นตอนต้องผ่านหน่วยบริการปฐมภูมิดูแลรักษาก่อน หากเกินขีดความสามารถจึงส่งต่อ และยังต้องใช้ใบส่งตัว กรณีที่ยกเว้นคือ หากเป็นผู้ป่วยใน หรือได้รับการรับตัวเข้าเป็นผู้ป่วยใน หรือเป็นมะเร็ง กรณีนี้ไม่ต้องมาเอาใบส่งตัวย้อนหลัง
" อยากให้ทางกระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกันทำความเข้าใจให้ชัดเจนและถูกต้อง อย่าให้คนไทยเข้าใจผิด เพราะผู้ที่จะถูกต่อว่า และเหนื่อยต่อการตอบตอบคำถามว่า "ทำไมไม่ได้ ก็นายกบอกว่าได้" ก็คือแพทย์พยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ"ประธานชมรมแพทย์ชนบท ระบุ
อนึ่ง นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการยกระดับระบบสวัสดิการแห่งรัฐด้านสาธารณสุข ด้วยการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีประชาชนผู้มีสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถเข้ารับการรักษาที่ใดก็ได้ และยกเลิกการต้องใช้ใบส่งตัวของผู้ป่วยในกรณีมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่รักษาพยาบาล โดยมีแนวทางประกอบด้วย
1.ประชาชนสามารถรับการรักษาพยาบาลที่ใดก็ได้ โดยทดลองให้ประชาชนในกรุงเทพฯสามารถไปรับบริการโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งเป้าที่จะประสานหน่วยบริการจำนวน 500 แห่ง ให้เข้ามาเป็น "หน่วยบริการชุมชนอบอุ่น" (คลินิกชุมชนอบอุ่น และหน่วยบริการเฉพาะทางชุมชนอบอุ่น) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
2."ผู้ป่วยใน"ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีกต่อไป นโยบายใหม่นี้ หากผู้ป่วยไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพแล้ว โรงพยาบาลวินิจฉัยว่าต้องรับการรักษา ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันที โดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวอีก เนื่องจาก สปสช. จะจัดทำระบบออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อข้อมูล ระหว่างคลินิกกับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพเองโดยอัตโนมัติ
3. ประชาชนแจ้งย้ายหน่วยบริการเมื่อใด รักษาที่ใหม่ได้ทันทีและ
4.ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและไม่แออัด เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง หน่วยบริการผู้วินิจฉัยจะส่งข้อมูลผู้ป่วยมายัง สปสช. เพื่อให้ สปสช.ประสานจัดหาโรงพยาบาลที่ไม่แออัด และมีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งประเภทนั้นๆได้ทันที
สำหรับการคลายข้อจำกัดต่างๆของบัตรทองในครั้งนี้ คือนโยบายของรัฐบาลในความพยายามที่จะยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี มีมาตรฐาน ง่ายและสะดวกสำหรับประชาชน ต่อการเข้าถึงระบบสาธารณสุข