(22 กันยายน 2563) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ 31 พรรคการเมืองกู้เงินไม่มีความผิดนั้น ส่วนตัวยืนยันมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ เพราะภายใต้ระบบกฎหมายปัจจุบัน ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามมิให้พรรคการเมืองกู้เงิน และพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเอกชน
ทั้งนี้ หากจะห้ามพรรคการเมืองกระทำการใด ก็ต้องมีกฎหมายเขียนเอาไว้ หากกฎหมายไม่ได้ห้ามอย่างชัดแจ้ง แสดงว่าเป็นเสรีภาพของพรรคการเมืองสามารถเลือกจะกระทำการใดก็ได้ดังนั้นภายใต้ระบบกฎหมายปัจจุบัน เห็นว่าพรรคการเมืองกู้เงินได้ แต่ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายพรรคการเมือง แม้จะไม่มีกฎหมายใดห้าม
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า แต่ไม่ได้มีกฎหมายอนุญาตให้กู้เงิน จึงตัดสินว่าไม่ให้กู้เงิน และพยายามจะอธิบายเรื่องการกู้เงินและการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ว่าเป็นการให้ประโยชน์อื่นใด จึงอยู่ภายใต้ข้อจำกัด ห้ามให้ และรับจากบุคคลเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งต่อให้วินิจฉัยว่าให้และรับประโยชน์อื่นใดเกิน 10 ล้านบาทจริง กรณีนี้โทษก็ไม่ถึงยุบพรรค และความผิดฐานให้และรับประโยชน์อื่นใดจากบุคคลเกิน 10 ล้านบาท ก็มิได้อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
"ผมยืนยันว่าผมไม่อยากเห็นพรรคการเมืองใดถูกยุบแบบพรรคอนาคตใหม่ ผมเห็นว่าทุกพรรคการเมืองต้องรอดหมด แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ กกต. วินิจฉัยให้พรรคอนาคตใหม่เป็นผลร้าย แต่พรรคการเมืองอื่นไม่เป็นผลร้าย จึงเกิดการตั้งคำถามถึงบรรทัดฐานการทำหน้าที่ของ กกต. ยิ่งไปกว่านั้น กกต. ชุดนี้ถูกตั้งคำถามตั้งแต่วันแรกของการทำงาน เพราะมีที่มาเชื่อมโยงกับ คสช. และ สนช. ซึ่ง คสช. ตั้งมา เกิดคำถามต่อการทำงานทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง การคำนวนคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อ การประกาศคะแนนเลือกตั้งล่าช้า การตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งตามที่ประชาชนร้องเรียน จนถึงการยุบพรรค หากองค์กรอิสระกลายเป็นองค์กรอิสระที่ไม่อิสระเมื่อไหร่จะเกิดวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง" นายปิยบุตร กล่าว