ข้อมูลล่าสุด ที่รวบรวมโดยบริษัทวิเคราะห์เชิงพื้นที่ "Esri" แสดงให้เห็นว่า 45% ของเคาน์ตี้ทั่วประเทศสหรัฐฯ กำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 โดยเป็นโมเดลล่าสุดที่ทำนายตัวเลขผู้เสียชีวิตว่าจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 20,000 คน ภายใน 4 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งยังแสดงให้เห็น "แนวโน้มการแพร่ระบาด" หรือ "การแพร่กระจายที่ไม่สามารถควบคุมได้" ในกรณีที่มีการระบาดในรัฐแถบ "Sun Belt" หรือ พื้นที่ทางใต้ไปจนถึงตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่รัฐฟลอริดาจนถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย กับแถบมิดเวสต์ หรือ พื้นที่ตะวันตกตอนกลางของประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่รัฐอินเดียนาจนถึงรัฐเนบราสกา
โมเดลยังคาดการณ์ด้วยว่า ถ้าชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย ก็จะรักษาชีวิตไว้ได้ 40,000 คน ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน ขณะที่ผลการวิจัยที่เผยแพร่โดยห้องปฏิบัติการทดลอง "แอมเฮิร์สต์ส ไรช์" ของมหาวิทยาลัยแมนซาจูเสตส์ ที่อ้างอิงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกับโมเดลที่จัดทำโดยนักวิจัยสหรัฐฯ กับนานาชาติ 23 กลุ่ม ชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจพุ่งถึง 151,000 คน ในวันที่ 1 สิงหาคม และ 157,000 คน ในวันที่ 8 สิงหาคม โดยรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดาและเท็กซัส ที่ได้ชื่อว่าเป็น 3 รัฐ ที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากกว่า 1,000 คน ส่วนโมเดลของ สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะอยู่ที่ 224,000 คน ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน เพิ่มจากที่เคยทำนายก่อนหน้านี้ถึง 16,000 คน