สืบสานประเพณี "ตีกลองตีระฆังย่ำค่ำ"
ที่วัดโรงช้าง ตำบลโรงช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร พระภิกษุสงฆ์ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณโดยทำการตีกลองตีระฆังย่ำค่ำซึ่งเป็นการบอกวันและเวลาในแบบสมัยโบราณโดยจะทำการตีกลองและตีระฆังย่ำค่ำเป็นจังหวะเฉพาะของแต่ละวัดในหมู่บ้านจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะทำเป็นปกติในการทำวัตรเย็นช่วงเข้าพรรษาโดยแต่ละที่มีวิธีปฏิบัติไม่เหมือนกันซึ่งนับวันจะหาฟังกันได้ยากแล้ว
ขณะเดียวกัน การตีกลองและระฆังยังจะมีอีก 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 จะตีเมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในวัด เช่น ไฟไหม้ โจรปล้น พระภิกษุมรณภาพ หรือต้องอาบัติหนักถึงขั้นปาราชิก ทั้งนี้ จังหวะการตีกลอง ระฆังไม่เป็นจังหวะเหมือนย่ำค่ำ จะเป็นการตีรัวทั้งกลองและระฆัง เมื่อชาวบ้านได้ยินจะรีบออกไปที่วัดทันที และกรณีที่ 2จะตีเมื่อเกิดจันทรคราสและสุริยคราส จะตีกลองระฆัง แต่ใช้การตีแบบจังหวะย่ำหรือลีลาย่ำค่ำ จนกว่าจันทรคราสและสุริยคราสจะคลาย ส่วนชาวบ้านจะตีปี๊บ ตีเกราะ เคาะไม้ เพื่อให้พระราหูคลายจากการอมพระอาทิตย์ พระจันทร์
พระอธิการชะลอ ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดโรงช้าง ตำบลโรงช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เล่าว่า ในการที่พระสงฆ์ตีกลองตีระฆังในช่วงเย็นเรียกกันว่าตีกลองตีระฆังย่ำค่ำ โดยจะตีหลังจากที่พระสงฆ์ได้เสร็จจากการทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว โดยการตีกล้องย่ำค่ำมีมาตั้งแต่สมัยโบราณสืบทอดกันมาเป็นประเพณีส่วนในการตีกลองย่ำค่ำในสมัยโบราณเป็นการตีเพื่อบอกวันและเวลาให้กับประชาชนที่ออกไปทำไร่ทำนาว่าตอนนี้ใกล้เวลาจะพลบค่ำแล้ว
ในส่วนของการตีกลองตีระฆังย่ำค่ำจะตีเฉพาะในช่วงเข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือนและในปัจจุบันเริ่มที่จะหาฟังได้ยากโดยที่ทางวัดโรงช้างยังคงจะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณประเพณีโบราณการตีกลองตีระฆังย่ำค่ำเพื่อให้ยังคงอยู่กับชาวบ้านตลอดไป
สำหรับการตีกลองตีระฆังย่ำค่ำ เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านานกว่าหลายร้อยปี วัตถุประสงค์เพื่อบอกวันและเวลากับชาวบ้านในหมู่บ้านร่วมไปถึงพระและเณรในช่วงเข้าพรรษา และเป็นการแผ่กุศล เดิมนั้นประเพณีนี้มีอยู่ทั่วไปตามวัดในแถบชนบท แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บางวัดไม่ได้สืบต่อวิถีปฏิบัติการตีกลองย่ำค่ำแล้ว และอาจหาฟังได้ยากในปัจจุบัน