
นกแคสโซวารี คู่แรกของไทยที่เกิดได้เองตามธรรมชาตินอกถิ่นอาศัยภายในสวนสัตว์ สงขลา เมื่อเดือนเมษายน2562ด้วยลักษณะลำตัว มีลายตามยาวเหมือนแตงไทยดูสวยงามเมื่อเติบโต ลายนี้จะค่อยๆ เลือนหายไปกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนและนี่คือภาพความน่ารักของลูกนกคาสโซวารี "ข้าวตูกับข้าวตัง" ตอนอายุได้1 เดือนเมื่อช่วงเดือนเม.ย. ปีที่แล้วที่ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายไว้ช่วงที่สวนสัตว์ สงขลา จัดงานต้อนรับสมาชิกใหม่ ลูกนกคาสโซวารี่ 2ตัว ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช่วงวันสงกรานต์ ปีที่ผ่านมา
นับเป็นความสำเร็จในการเพาะเลี้ยง ของสวนสัตว์ สงขลา ที่ทำให้เจ้าลูกนกคู่นี้ เป็นนกแคสโซวารีคู่แรกของไทย ที่เกิดได้เองตามธรรมชาตินอกถิ่นอาศัย
"ข้าวตูกับข้าวตัง"อยู่ในสายพันธุ์ "คาสโซวารี่ใต้"ขณะนี้อายุ 1ปีเศษรวมกัน 4 ตัว ทั้งพ่อแม่ลูกอยู่ในส่วนแสดงนกคาสโซวารี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในช่วงนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากทางสวนสัตว์ฯเปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่15-30มิ.ย.2563ซึี่งส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวมากันทั้งครอบครัว จาก3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเนื่องจาก นกคาสโซวารี เป็นสายพันธุ์ที่ไม่พบเห็นกันบ่อยนัก เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ มีสีสันสวยงาม จึงได้ความสนใจเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
จัดว่าเป็นสัตว์ที่มีอันตราย โดยนิ้วเท้าจะมีความแหลมคม ใช้เตะใส่ศัตรูฤดูผสมพันธุ์ นกเพศเมียเมื่อผสมพันธุ์เสร็จจะปล่อยให้นกเพศผู้ ฟักไข่และเลี้ยงลูกส่วนเพศเมียจะไปผสมพันธุ์กับนกเพศผู้ตัวอื่น ที่อยู่ในอาณาเขตของนกเพศเมียนกคาสโซวารี ยังมีขนตามลำตัวยาวดูมีน้ำหนักเปรียบเหมือนเส้นผมของผู้หญิงด้วย
นกแคสโซวารี เป็นนกที่หากินตามลำพัง กินอาหารได้ตั้งแต่ผลไม้ ลูกไม้ตามพื้นหรือขึ้นตามพุ่มไม้เตี้ย ๆ เห็ดรา ไปจนถึงสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก และรวมถึงซากสัตว์ด้วย มักออกหากินในช่วงเวลาโพล้เพล้ ทั้งในตอนเช้ามืดและตอนเย็น
นกแคสโซวารี จัดเป็นนกที่มีอันตรายขั้นขีดสุด ด้วยอาวุธที่ทรงพลัง เล็บเท้าที่มีความคมเหมือนใบมีด ทุกครั้งที่มันกระโดดเตะศัตรู พวกมันจะใช้กรงเล็บอันแหลมคม กรีดลงบนผิวหนังของศัตรู ด้วยความเร็ว25กิโลเมตรต่อชั่วโมง และนั่นสามารถสร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และลักษณะที่โดดเด่นอีกประการหนึ่ง นั่นคือ หงอนโค้งบนหัวสีดำที่มีส่วนผสมของเคราทิน มีลักษณะเป็นโพรงแข็งกลวง คล้ายหงอนไดโนเสาร์บางชนิด แม้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกมันมีไว้เพื่ออะไร แต่สันนิษฐานว่า พวกมันมีไว้เพื่อใช้ส่งเสียงร้องในตอนข่มขวัญศัตรู ให้มีความกังวาล น่ากลัวมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ปัจจุบัน สถานภาพของนกแคสโซวารีมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ตามสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือInternational Union for Conservation of Natureได้ระบุว่า จำนวนประชากรนกแคสโซวารี มีแนวโน้ม ลดลงอย่างน่าตกใจ ในถิ่นกำเนิดดั่งเดิมมีเพียง2,500 3,000ตัวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการกระจายตัวอยู่ในสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย