พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 พลัส สีชมพู - ขาว จำนวน 1 เครื่อง ไฟฉาย สีแดง ขนาดเล็ก จำนวน 1 เครื่อง ผ้าพันคอ สีดำ-ขาว จำนวน 1 ผืน กระเป๋าสะพายข้าง สีดำ จำนวน 1 ใบกางเกงยีนส์ ขายาว จำนวน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบ สีดำ ขาว จำนวน 1 คู่ เสื้อยืด คอกลม สีดำ มีอักษรภาษาอังกฤษ "VOLKWAGEN" อยู่ด้านหลัง จำนวน 1 ตัว ไขควง สีแดง จำนวน 1 ด้าม โดยสามารถจับกุม บริเวณชุมชนโค้งรถไฟยมราช แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 เมษายน เวลาประมาณ 12.30 น. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่า มีคนร้าย ได้งัดประตูเข้าไปภายในร้าน A Scoop to Move ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ จากนั้นได้ลักเอาทรัพย์สินทรัพย์สิน เงินสด 3,500 บาท และ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 พลัส สีชมพู-ขาว จำนวน 1 เครื่อง
ต่อมาตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณรอบที่เกิดเหตุ พบบุคคลต้องสงสัย มีตำหนิรูปพรรณ ผมยาว สวมหน้ากากอนามัย สวมใส่เสื้อสีดำ มีลายอักษรภาษาอังกฤษสีเหลืองอยู่ด้านหลัง สะพายกระเป๋าสะพายข้าง สีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว และใส่รองเท้าหน้าใบ สีดำขาว และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายหลบหนี จนพบว่า บุคคลต้องสงสัย หลังก่อเหตุได้เดินเท้าหลบหนีไปตามถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าไปยังบริเวณแยกอโศก
โดยในระหว่างตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตาม คนร้ายอย่างต่อเนื่อง ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน เวลาประมาณ 09.00 น. รับแจ้งว่าได้เกิดเหตุลักษณะเดียวกัน ที่ร้านชาการิกิ สาขาอโศก เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุลักทรัพย์ที่กำลังติดตามอยู่ แต่ครั้งนี้คนร้ายไม่ได้สวมหน้าการอนามัย จึงทำให้มองเห็นตำหนิรูปพรรณใบหน้าของคนร้ายชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 ครั้งนี้เป็นรายเดียวกัน
จากนั้นจึงลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ที่ร้าน ชาการริกิ สาขาอโศกนั้น ได้ขึ้น รถแท๊กซี่ สีชมพู คาดเขียว ที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก ไปลงที่บริเวณชุมชนโค้งรถไฟยมราช แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จึงได้สั่งการให้ร.ต.อ.สมยศ หมาดสง่า และร.ต.อ.วีระพงศ์ พลไชย รอง สว.สส.สน.ทองหล่อ เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณชุมชนดังกล่าว จนกระทั่งพบนายพีรพัฒน์ ที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 ครั้ง จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือไอโฟน สี จำนวน 1 เครื่อง อยู่ในกระเป๋าที่สะพายอยู่ ซึ่งโทรศัพท์ดังกล่าวตรงกับโทรศัพท์ที่ถูกลักไปจากร้าน A Scoop to Move ก่อนนำตัวขยายผลตรวจยึดของกลางที่เหลือ และคุมตัวสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ
สอบสวน นายพีรพัฒน์ ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเพิ่งพ้นโทษออกมาในคดีลักษณะเดียวกันนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2562 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ยังไม่มีงานทำ จึงได้ออกตระเวนลักทรัพย์ตามร้นอาหาร ในย่านใจกลางเมืองมาแล้วหลายครั้งจนจดจำไม่ได้ รวมไปถึงลักทรัพย์สินภายในร้าน ทั้ง 2 ไปจริง เงินสดที่ลักมาได้ ตนได้เอาไปใช้ซื้อยาเสพติด ยาบ้า ยาไอซมาเสพจนหมดแล้วออกไปก่อเหตุซ้ำอีก
ทั้งนี้เจ้าตัวยังรับสารภาพอีกว่า ตนได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ อีก 2 ครั้ง เมื่อกลางเดือน มีนาคม ก่อเหตุที่ร้านกาแฟอเมซอน ภายในซอยสุขุมวิท 42 และเมื่อวันที่ 18 เมษายน ก่อเหตุร้านอาหารญี่ปุ่นชาการิกิ สาขอโศก กลางซอยสุขุมวิท 23 พื้นที่ สน.ปทุมวัน 2 ครั้ง เมื่อต้นเดือน ธันวาคม 62 ก่อเหตุที่ตึกวิศวะ ภายในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณวิทยาลัย เมื่อต้น มกราคม ก่อเหตุร้านไอศครีมไม่ทราบชื่อ ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และก่อเหตุ พื้นที่ สน.พญาไท 1 ครั้ง เมื่อต้นเดือน มกราคม ก่อเหตที่บ้านพักไม่ทราบเลขที่ บริเวณตีนสะพานหัวช้าง อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทางตำรวจต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา"ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายต่อสิ่งกีดกั้นบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประทำการใดๆ หรือรับของโจร" ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป