ส่วนบรรยากาศประชุมคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 นัดแรก นายวิษณุ บอกว่า ได้เห็นจากข่าวว่ามีการเลือกประธาน รองประธาน ตำแหน่งต่างๆเสร็จแล้ว โดยก็ไม่มีปัญหา ซึ่งจากนี้จะได้เริ่มวิธีการว่าต้องทำอย่างไร และจะรับฟังความเห็นคนนอกหรือไม่ โดยแล้วแต่วิธีการทำงานของคณะฯ
ส่วนกรณีที่นายพีรพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งประธานกมธ. ศึกษาแก้ไขรธน.จะทำให้ถูกครหาว่าเป็นสายตรงนายกฯหรือไม่ นายวิษณุ บอกว่า จะมาอย่างไรก็ครหาทั้งนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น หรือ ต่อให้กี่ชื่อก็หาจุดได้ทั้งนั้น แม้แต่เป็นฝ่ายค้านก็มีจุดได้ โดยถ้าจะซูเอี๋ยกันหรือขยิบตากันก็ไปได้หมด พร้อมขออย่าไปคิดอะไรมาก
นายวิษณุ ยังบอกถึงข้อเสนอของกมธ.ชุดนี้ จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ว่า เมื่อเสร็จแล้ว ก็ต้องรายงานต่อสภา ถึงได้มีกำหนดระยะเวลาทำงาน 120 วัน และเมื่อสภาเห็นชอบก็ดำเนินการตามนั้น เช่น ส่งให้รัฐบาล หรือลงมือยกร่างแก้ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ กมธ.
ส่วนการแก้ไขจะสำเร็จหรือไม่นั้น นายวิษณุ มองว่า เหมือนกับที่นายนิกร จำนง หนึ่งในกมธ.ได้บอกไว้ว่า ถ้าเปรียบแล้วเหมือนของที่อยู่ในตู้เซฟต้องใช้กุญแจอย่างน้อย2ดอก แต่ในความจริงแล้ว มีกุญแจอยู่หลายดอก เพราะมีหลายด่าน โดยดอกหนึ่งก็คือสภาผู้แทนราษฎร อีกดอกหนึ่งคือสมาชิกวุฒิสภา และยังมีดอกของประชาชนอีก เพราะถ้าแก้บางเรื่องจะต้องไปถามความเห็นประชาชน และอีกดอกหนึ่งคือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกดอกมีความสำคัญทั้งหมด
นายวิษณุ ยังบอกถึงกรณีที่มีชื่อจะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เราก็ต้องทำการบ้าน และการทำนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเตรียมตัวเอง แต่เป็นการให้เกียรติผู้ที่จะถามเราด้วยว่าจะต้องรู้ร้อนรู้หนาว แต่ขณะนี้ยังเตรียมไม่ถูก เพราะรอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน แต่ฝ่ายค้านก็ได้แพลมออกมาแล้วว่า มีประเด็นอะไร โดยส่วนตัวก็มานั่งนึกว่าครั้งนั้นได้ทำอะไรในเรื่องเหล่านั้น ซึ่งก็นึกออกแล้ว