ตนขอให้นายสิระ อ่านบันทึกการประชุมกมธ.ฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกมธ.ฯ มีมติที่จะเชิญ พล.ต.บุรินทร์ มาชี้แจงในที่ประชุมต่อกรณีที่มีผู้ร้องเรียน อาทิ กลุ่มนักศึกษา ในหลายปีที่ผ่านมา ถูก พล.ต.บุรินทร์ แจ้งความดำเนินคดีอยู่หลายคดี เมื่อกมธ.ฯ รับเรื่องร้องเรียนต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเอาคืน พล.ต.บุรินทร์ ที่แจ้งความดำเนินคดีกับ ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ขึ้นเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จ.ปัตตานี
"สิ่งที่กมธ. ต้องการถาม พล.ต.บุรินทร์ คือ การตีความกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ใช้เป็นกลไกแจ้งความดำเนินคดี และล่าสุดคือการแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทน 7พรรคการเมืองฝ่ายค้าน จำนวน 12 คน และใช้ข้อหาว่าเป็นการจัดเวทีเพื่อยุยงปลุกปั่น ทั้งที่พฤติกรรมของกลุ่มคนที่แจ้งความดำเนินคดีนั้นไม่เข้าข่ายพฤติกรรมตามมาตรา 116 ดังนั้นกมธ. ต้องการสร้างความเข้าใจ และไม่ใช่ต้องการกลั่นแกล้งใคร ผ่านกระบวนการของสภาฯ" นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่าตนขอให้ไว้วางใจกมธ. ที่ประกอบด้วยนักกฎหมายและทนายความที่ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน อาทิ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะรองประธานกมธ.ฯ คนที่หนึ่ง, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะที่ปรึกษากมธ. นายกมลศักดิ์ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ฐานะเลขานุการกมธ.ฯ เป็นต้น ดังนั้นขอให้ไว้วางใจการทำงานของกมธ.ฯ อย่างไรก็ตามการซักถามในกมธ.ฯ นั้น คนที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม จะตั้งประเด็นซักถามได้น้อยที่สุด เนื่องจากต้องเป็นผู้กำกับการประชุม.