ทรัมป์ระบุผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า แม้การเจรจาการค้ารอบล่าสุดที่เซียงไฮ้ซึ่งจบลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่จีนกลับผิดสัญญาที่เคยบอกว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มเกษตรกรคือฐานเสียงหลักของทรัมป์ นอกจากนี้่ประธานาธิบดีสียังผิดคำพูดไม่ยอมหยุดยั้งการขายยาเฟนตานิลให้กับสหรัฐฯ โดยเฟนตานิลเป็นยาแก้ปวดที่ทำให้เกิดปัญหาเสพติดจนกลายเป็นวิกฤตในประเทศ
เพราะฉะนั้น ในขณะที่การเจรจาการค้ายังคงเดินหน้าต่อไป สหรัฐฯ จะเริ่้มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในส่วนที่ยังเหลืออยู่ในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ รวมมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เริ่มจากวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ทำให้นับจากนี้ สินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการจะถูกเก็บภาษีแบบไม่มีข้อยกเว้น โดยล็อตล่าสุดประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเสื้อผ้า
นอกจากนี้ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังด้วยว่า หากการเจรจาการค้ารอบต่อไปยังไม่มีความคืบหน้า สหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราภาษีให้มากกว่าเดิม โดยอาจสูงกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ที่สหรัฐฯ เก็บกับสินค้าจีน 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์เท่ากับเป็นการผิดคำพูดที่เคยตกลงสงบศึกชั่วคราวกับประธานาธิบดีสีในการพบกันเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ทรัมป์บอกว่า สหรัฐฯ จะไม่ออกมาตรการใดใดเพิ่มเติมอีก แต่มาตรการที่ออกมาแล้วยังคงมีผลบังคับใช้
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนจะไม่ยอมถูกสหรัฐฯ แบล็กเมล์ และพร้อมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ขณะเดียวกันภาคเอกชนของสหรัฐฯ ก็ไม่พอใจทรัมป์เช่นกัน โดยหอการค้าสหรัฐฯ ซึ่งมีบริษัทเป็นสมาชิกกว่า 3 ล้านบริษัท ออกแถลงการณ์ว่า กำแพงภาษีรอบล่าสุดจะยิ่งทำให้นักธุรกิจ, เกษตรกร, แรงงาน, และผู้บริโภคในสหรัฐฯ เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม และยังจะบั่นทอนเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ ด้วย