svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อ.พนัส" ร้องศาลฯไต่สวนฉุกเฉิน เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว สว. ชี้ขัดหลัก ปชต.

30 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อดีตคณบดีมธ." พร้อมคณะ ร้องศาลปกครองกลาง ขอไต่สวนฉุกเฉิน เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว สว. ชี้ กกต.ไม่มีอำนาจ ขัดหลักประชาธิปไตย

30 เมษายน 2567 ที่ศาลปกครองกลาง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567

โดยนายพนัส กล่าวว่า จากระเบียบกกต.ที่ออกมามีประเด็นที่อยากให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อที่ 7,8 และข้อ 11 โดยเฉพาะข้อห้ามในเรื่องของการแนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมไปถึงโซเชียลมีเดียด้วย  พวกเราคิดว่ากกต.ไม่มีอำนาจมากำหนดและจำกัดสิทธิในการแนะนำตัวผู้สมัคร

ซึ่งสิ่งที่กกต.ออกระเบียบออกมาเป็นการจำกัดสิทธิเกินไป ซึ่งทราบดีว่าระเบียบนี้ยังไม่ได้บังคับใช้เนื่องจากต้องรอพระราชกฤษฎีกา แล้วต้องรอให้เป็นผู้สมัคร วันนี้เรายังไม่เป็นผู้สมัครแต่เป็นผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสมัคร ดังนั้นจึงมองว่าควรมีสิทธิเสรีภาพในการแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักให้ประชาชนทั่วไป เพราะสว.ตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยพี่มีส่วนได้เสียโดยตรง อีกทั้งวันนี้ยังได้ร้องให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวด้วย รวมถึงขอให้ไต่สวนฉุกเฉินต่อระเบียบดังกล่าว ถึงเร็วที่สุดอาจจะเป็นภายในวันนี้ มองว่ายิ่งศาลไต่สวนเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี

"อย่างผมเองผมก็แนะนำตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นคนแรกพี่แนะนำตัวผ่านเฟซบุ๊ก ว่าผมตั้งใจจะลงสมัครสว. พอมีระเบียบนี้มันก็เป็นประเด็นขึ้นมาว่าเราจะสามารถทำสิ่งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องการให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้นมา โดยเรามองว่ากกต.ไม่น่าจะมีอำนาจ ในการกำหนดเงื่อนไขในการแนะนำตัวได้แคบถึงเป็นระบบปิด...อำนาจของกกต.กับสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจำกัดในการที่ออกระเบียบนี้มา มีความสมดุลมากน้อยแค่ไหน"นายพนัส กล่าว

ส่วนหากศาลไม่รับคำร้องจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายพนัส กล่าวว่า ต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองหมายความว่าเป็นการคุ้มครองผู้ฟ้องนั่นคือพวกเรา และข้อบังคับใช้ที่กกต.จะไม่มีผลต่อพวกเรา

สำหรับระเบียบนี้จะมีการเอื้อหรือกระทบต่อใครนั้น นายพนัส กล่าวว่า กระทบต่อพวกเราโดยตรงอยู่แล้ว เราไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแนะนำตัวเองได้เลย และที่สำคัญที่สุด คือเป็นการปิดปากมัดมือมัดเท้าพวกเรา แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นในระดับอำเภอ จังหวัด หรือประเทศ ซึ่งระเบียบนี้เราไม่สามารถไปร้องต่อใครได้เลย

เมื่อถามเพิ่มเติมว่า มีการวิเคราะห์กันว่าระเบียบนี้เป็นการสกัดสว.สีส้ม นายพนัส กล่าวว่า เราไม่ได้พิจารณาในประเด็นสีส้มหรือสีอะไร แค่อยากจะยึดตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยระบบตามระบอบประชาธิปไตย ควรจะเป็นระบบเปิดเพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน"การจะมีสว. 200 คน ปรากฏว่าประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะถูกต้องกับหลักของประชาธิปไตย"

เมื่อถามอีกว่ากกต.ระบุว่าได้เก็บข้อมูลผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครในเว็บไซต์ Senate67 และพร้อมเอาผิด หากพบว่ามีมูล ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ นายพนัส กล่าวว่า นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกกต.ไม่ได้บอกว่ามีอำนาจอะไรที่สามารถดำเนินการอย่างนั้น และตนได้ฟังข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) ก็เห็นว่าสามารถแนะนำตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ว่าห้ามชี้นำ หรือฮั้วกัน หากเป็นจริงตามข่าวก็แสดงว่ากกต.ยอมรับว่าสามารถทำได้

โดยสิ่งที่เป็นประเด็นน่าเป็นห่วงคือ มาตรา 36 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ได้มีการกำหนดโทษไว้ด้วยว่าถ้ากระทำการผิดเงื่อนไขหรือวิธีการที่กกต.กำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าระเบียบที่กกต.ได้ออกมานานเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือไม่ ถึงขนาดว่าถ้าทำผิดเงื่อนไข พวกเราจะต้องติดคุกเป็นปี และถูกตัดสิทธิทางการเมือง สิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรมีโทษมากขนาดนี้

นายพนัส ย้ำว่า การจะแนะนำตัวได้ต้องมีการออกสื่อ ดังนั้นหากจะผิดก็ควรจะผิดไปถึงสื่อมวลชนด้วย

logoline