จากคดีหวย 30 ล้าน ที่มีการอ่านคำพิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เวลาประมาณ 17.58 น. ทางเฟสบุ๊ค ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ก็ได้โพสต์ข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับคดีหวย 30 ล้านอีกครั้ง
โดยเขียนว่า... ไม่จบ ล่าสุดครูปรีชาฟ้องคุณลุงจรูญ ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท ให้ลุงจรูญขอขมาครูปรีชาออกสื่อติดต่อกัน 7 วัน พร้อมกับภาพหมายนัดไต่สวนมูลฟ้อง จากศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.30 น.
ล่าสุด วันนี้ (11 มิ.ย. 2562) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีนี้ว่า จุดเดือดที่ทำให้ครูปรีชา ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทกับลุงจรูญ สืบเนื่องมาจาก 1 วัน ก่อนที่จะรับฟังคำตัดสินของศาลฯ คดีหวย 30 ล้านนั้น ลุงจรูญได้เปิดบ้านให้นักข่าวสังกัดต่างๆ เข้าสัมภาษณ์ แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งมีนักข่าวถามว่า ลุงจรูญมีอะไรจะฝากถึงครูปรีชามั้ย ซึ่งลุงก็ตอบไปว่า ไม่มีอะไรจะฝากถึงครูปรีชา แล้วลุงจรูญก็พูดขึ้นมากลางๆ ว่า คนที่มันเลวโดยสันดาน การศึกษาก็ไม่ช่วยอะไร ซึ่งถ้าในวันนั้นใครได้ดูไลฟ์สดหรือดูข่าวในวันนั้น ก็จะเห็นได้ว่าผมก็พูดด้วยว่า คุณลุงพูดแบบทั่วๆไป ไม่ได้หมายเจาะจงว่าเป็นใคร และไม่ได้เจาะจงว่าเป็นครูปรีชา.
.ทนายตั้ม เปิดใจอีกว่า หลังจากนั้นครูปรีชา ก็ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่รับฟังการอ่านคำพิพากษาเลย ซึ่งตนและคุณลุงจรูญก็ยังงงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมครูปรีชาถึงเป็นคนยื่นฟ้อง ทั้งๆที่จริงแล้วคนที่จะต้องยื่นฟ้องน่าจะเป็นคุณลุงจรูญมากกว่า เพราะลุงจรูญจะต้องมีความโมโห ที่เหมือนกับตัวเองถูกกลั่นแกล้งให้ต้องติดคุกติดตะราง แต่ว่ากลับกันคุณลุงกับอโหสิกรรมให้ แล้วก็ไม่อยากจะเอาเรื่องเอาราว
อีกทั้งลุงจรูญยังบอกอีกว่า ถ้าทางครูปรีชาสำนึกผิด ก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่กลับกลายมาเป็นว่าทางครูปรีชามาฟ้องคุณลุงจรูญ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกใจอยู่เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้ตอนแรกตนก็ไม่อยากจะดำเนินคดี ไม่อยากจะทำอะไรหรอก แต่ว่าพอเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ประมาณอาทิตย์หน้าก็คงจะต้องเข้าไปคุยกับคุณลุงจรูญก่อนว่าจะเอายังไง เพราะว่าดูแล้วทางนั้นไม่ได้มีการสำนึกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำมา ทั้งที่คำพิพากษาค่อนข้างเห็นชัดเจนอยู่แล้ว.
ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่ ทนายษิทรา กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณลุงจรูญและครอบครัว ซึ่งถ้ามีการให้ฟ้องร้องกลับจริงก็จะต้องฟ้องร้องในข้อหาที่เกี่ยวกับ ร่วมกันฟ้องเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จเข้านำสืบ แล้วก็รวมถึงพวกพยานที่เบิกความเท็จต่างๆ ด้วย ซึ่งก็ต้องไปดูสำนวนว่ามีใครที่เบิกความเท็จในประเด็นของคดีคนไหนบ้าง และมีนักกฎหมายคนไหนที่เข้ามาแต่งเติมเสริมให้พยานเบิกความขัดต่อความเป็นจริงบ้างหรือไม่
นายษิทรา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในเรื่องของเงิน 30 ล้าน ที่ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้นั้น ก็อยู่ระหว่างการเดินหน้าเพื่อขอถอนคำสั่งฯ แต่ก็ติดอยู่ตรงที่ศาลท่านได้มีคำสั่งไว้ในคราวก่อนว่า ให้คดีสิ้นสุด แต่หลังจากการอ่านคำพิพากษาแล้วก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ต้องรอจนคดีสิ้นสุดก็ได้ ทั้งนี้ก็จะลองทำเรื่องยื่นไปก่อนครับ....
.
..