ก่อนหน้านี้เหมือนจะหันหลังให้กับวงการบันเทิง เพื่อไปมุ่งมั่นในการเล่นการเมืองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อ "ฟิล์ม" รัฐภูมิ ไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุดเจ้าตัวกลับมารับงานในวงการบันเทิงอีกครั้งในการเป็นดูโอกับเด็กที่มีความฝัน ในรายการ "World Star ดาวคู่ดาว" ผู้สื่อข่าวได้เจอหนุ่มฟิล์มเลยถามถึงเรื่องนี้
คิดถึงวงการไหม
"คิดถึงครับ ถ้าแนวๆ คอนเสิร์ตใหญ่หรือโชว์ก็เกือบๆ 5 ปี เหตุผลที่ตัดสินใจกลับมา คือตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้ง เพราะว่าเราก็ไปทำธุรกิจอะไรต่างๆ ตอนที่รายการเขาติดต่อมาผมแค่บอกว่าส่งวีดีโอโปรไฟล์น้องๆ มาให้ดูหน่อย เขาส่งมาให้เกือบ 30 คน ซึ่งเราดูจบทั้ง 30 คน อยู่ๆ เรารู้สึกมีไฟขึ้นมาใหม่ ตอนแรกเราคิดว่าเราหันเหไปทางการเมืองและธุรกิจเพราะว่าค่อนข้างไปได้ดี ดูแล้วเหมือนเห็นตัวเองในวัยเด็ก ผมรู้สึกว่า รายการดี เหมือนว่าเรามาเป็นพี่เลี้ยงมาคอยช่วยผลักดันเด็กๆ ให้เขามีอนาคตที่ดีในวงการบันเทิง ผมเลยตอบตกลง ก็มาเป็นคู่กับน้องที่เลือกมา ในรายการ ก็เป็นเหมือนดูโอ้ แต่จริงๆแล้วเราก็คือเป็นพี่เลี้ยงน้อง ให้น้องเขาประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง"
กลับมาคราวนี้จะรับงานแสดงด้วยไหม
"จริงๆก็ ตั้งใจไว้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับต้นสังกัดเพราะผมเองยังมีสัญญาอยู่"
แต่ต้องมีการเลือกรับงานมากขึ้นไหม เมื่อเราหันไปเล่นการเมือง
"ใช่ๆ ครับ เพราะจริงๆก็มีติดต่อมาอยู่เรื่อยๆนะครับ ซึ่งผมเองก็ดูบทบาทมากขึ้น อย่างบางทีบทที่ส่งมาแรงเกินไป มันก็จะดูโดดเกินไป เพราะผมรู้สึกว่าผมมาทางการเมืองแล้วผมชอบ"
กลัวคนจะมองว่าเราคิดหวังจากการเมืองเลยกลับเข้าวงการไหม
"ผมไม่ได้คิดตรงนั้นนะ ผมมองว่านี่คือโอกาสมันก็คืองาน ผมรู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดี คอนเซ็ปรายการดี ทุกอย่างก็ดีหมดทำให้เราไม่ได้มองตรงนั้นเพราะตรงนั้นในเรื่องของการเมืองเราเองก็ยังทำอยู่"
สมมติถ้ามีการแข่งขันทางการเมืองที่เราก็จะกลับไปลงสนามอีกใช่ไหม
"แน่นอนครับ เพราะว่าผมเจอตัวเอง จริงๆเราก็ไม่ได้ทิ้งวงการไปไหน แต่เราแค่เจอตัวตนของเราเราได้ดีเบต ได้แสดงวิสัยทัศน์ ได้ให้ความรู้กับสิ่งที่เราสะสมประสบการณ์มา มันเป็นเรื่องสนุก"
เรียกว่าเป็นช่วงเว้นวรรคทางการเมืองใช่ไหม
"ยังไม่ได้เว้นวรรค เพราะตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดตั้งพรรคต่างๆดู ว่าใครจะเข้าไปกระทรวงไหน ซึ่งมีหลากหลายที่ที่ติดต่อมา ให้ผมไปอยู่กระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร ระหว่างช่วงว่างอยู่ ธุรกิจมันก็ดำเนินไปได้ ผมก็เลยมารายการดีๆแบบนี้ดีกว่า"
อย่างนี้มันรู้สึกสองจิตสองใจไหม ว่าเราจะไปการเงินเต็มตัวหรือกลับเข้าวงการบันเทิง
"ผมมองว่าพอเราไม่ได้เป็นส.ส. มันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การเข้าไปดูบริหารงานมันก็เหมือนกับว่า เราไปอยู่ในองค์กรหรือบริษัท มันสามารถทำควบคู่กันได้ ไม่ได้ติดขัดอะไร"
เขาไม่กดให้เราไหมว่าอะไรที่เราควรหรือไม่ควรทำในวงการบันเทิง
"ตรงนี้ไม่มี เพราะอย่างที่บอกว่า ผมไม่ได้เป็นส.ส. แต่หากว่าผมเป็นส.ส.มันอาจจะมี อาจจะมีเรื่องของเงินเดือน ที่รับเกินหลักพันไม่ได้ แต่ว่าผมไม่ได้เป็นแล้วก็กลับมาอิสระได้เหมือนเดิม"
ในเรื่องที่บอกว่าจะไปประจำกระทรวงต่างๆนั้นคือไปเรียนรู้งานหรือยังไง
"ไปทำงานเลยครับรุ่นนี้ไม่ต้องเรียนรู้แล้วส่วนเรื่องว่าจะไปทำกระทรวงไหนนั้นคงต้องรอดูอีกที ว่าจะไปเป็นผู้ช่วยกระทรวง หรืออะไรก็ว่าไป คงต้องรอดูกันอีกที"
จะต้องมีการระวังเรื่องข่าวคราวในวงการบันเทิงไหม
"ก็ปกตินะเพราะเราก็เป็นคนธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องระวังตัวอะไรมากมายนัก ถ้ามีโอกาสได้ชี้แจงก็ชี้แจงกันไป"