svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รู้จักเขายัง?? 'เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์' ผู้ชายสองขั้ว

ทำความรู้จัก 'เขตรัฐ' ผู้ชายสองขั้ว ลูกไม้ใต้ต้น 'เอนก เหล่าธรรมทัศน์' แห่งพรรครวมพลังประชาชาติไทย แม้สนามการเมืองยังไม่เปิด แต่วันนี้ "เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์" เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว!! แถมมาแพ็กคู่กับผู้เป็นพ่อ "เอนก เหล่าธรรมทัศน์" ที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย

เส้นทางสู่การเมืองของ "เขตรัฐ" ผ่านการเป็นนักวิชาการมาก่อน เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ เพียงแต่เขาเลือกเข้าสู่การเมืองเร็วกว่าพ่อ


อาจารย์เอนก เข้าสู่การเมืองในวัยเกือบ 40 ปี โดยเริ่มจากตำแหน่ง "เบื้องหลัง" คือที่ปรึกษา "มารุต บุนนาค" ประธานสภาผู้แทนฯ และที่ปรึกษานักการเมืองคนอื่นๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวมาอยู่แถวหน้าครั้งแรกในฐานะ "หัวหน้าพรรคมหาชน" แต่ "เขตรัฐ" เข้ามาตั้งแต่เขาอายุเพียง 29 ปี แถมเรียกได้ว่ามาอยู่ "แถวหน้า" เลย


การก้าวออกมาแถวหน้าครั้งแรกของ "เอนก" ถือว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จเอาซะเลย ครั้งนั้นพรรคมหาชนได้ ส.ส.มาเพียง 2 ที่นั่ง ขณะที่หวังไว้ถึง 20 ที่นั่ง จนทำให้ "เอนก" ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ก็เป็นจุดที่กระตุกให้ "เขตรัฐ" ลูกชายในวัย 15 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ระดับไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกา หันมาสนใจเรื่องการเมืองเป็นครั้งแรก


"วันที่พ่อแพ้การเลือกตั้งคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสนใจการเมือง ทำให้ผมเกิดคำถามว่าทำไมคนคนหนึ่งที่อุทิศชีวิตเพื่อส่วนรวม ตั้งใจ ทุ่มสุดตัว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นก็ตามข่าวการเมืองมาตลอด แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาเล่นการเมือง"


มาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้กัน...



รู้จักเขายัง?? 'เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์' ผู้ชายสองขั้ว





**ค้นหาเป้าหมายในชีวิต


หลังจบไฮสคูล "เขตรัฐ" เลือกเรียนต่อบริหารธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา


"ตอนแรกคิดว่าจะเรียนแพทย์ เรียนหมอดีไหม แต่กลัวเลือด จะเป็นข้าราชการก็คิดว่าจะทำได้หรือ อยู่ในระบบ ก็เลยคิดว่าจะทำธุรกิจ จึงเลือกไปเรียนบริหารธุรกิจ แต่เรียนไปเรียนมาไม่ใช่ ใจไม่ใช่ ผมรู้สึกถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่ข้างในใจยังว่าง เหมือนยังไม่เจอจุดหมายในชีวิต ยังไม่ค้นพบเป้าหมายในชีวิต ในใจคิดว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร มันไม่ใช่เงิน เพราะมีเงินก็ไม่ซื้อของ แบรนด์เนมก็เฉยๆ ซื้อไปดีใจ 2-3 วันแรกก็จบ ทำให้ผมเลิกซื้อเสื้อผ้าก็ไม่ได้ชอบ ชอบรถ แต่มีไปก็เสียเงินมากขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้น และรถหรูๆ สภาพการเงินก็ไม่ได้เอื้ออำนวยขนาดนั้น นาฬิกาก็ชอบ แต่ปกติเป็นคนแอ็กทีฟไม่อยู่นิ่ง ใส่ไปเป็นรอย เสียดาย ก็ใส่เรือนถูกๆ ดีกว่า สุดท้ายเงินไม่ตอบโจทย์ ก็งงละ เรียนธุรกิจมาจะไปทำอะไร"


"เขตรัฐ" เล่าว่าในช่วงที่ยังไม่ได้คำตอบในชีวิตพอดีพ่อไปเก็บข้อมูลที่จีนบ่อยเพราะเขียนหนังสือ เขาไปด้วย จึงเห็นว่ามีความน่าสนใจ เพราะวันที่สหรัฐอเมริกาล้ม (ช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) จีนกลับเป็นม้ามืดทำให้โลกไม่ล้ม


"จีนเป็นคนละระบบกับอเมริกาซึ่งเป็นโลกเสรี ที่ผ่านมามีการพูดกันว่าถ้าไม่เสรี เจ๊ง แต่จู่ๆ มีประเทศที่ไม่เสรีมาแบกทั้งโลกจึงกระตุกผมอีกครั้ง"


จากนั้นพ่อก็ชวน "เขตรัฐ" เรียนต่อปริญญาโทที่จีนและเขาก็ตกลง


"เขตรัฐ" เล่าว่า เขาต้องไปเรียนภาษาจีนอยู่ประมาณ 1 ปี เพราะตอนเรียนปริญญาโทต้องเรียนเป็นภาษาจีนซึ่งพ่อให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับคนจีน



"พ่อใช้ระบบอยากเรียนว่ายน้ำก็ถีบลงน้ำ ใช้เวลาเรียนภาษาจีนอยู่เดือนกว่า ไปอยู่กับคนจีน แบบคนจีน ที่ผมจำได้ไม่ลืมคือเวลากินข้าวเสร็จ ชามก็จะเต็มไปด้วยซอส เขาก็เอาน้ำร้อนใส่กาเทลงในชาม คนๆ แล้วบอกนี่แหละคือซุปของพวกเขา ผมก็ดื่มด้วย ยังจำรสชาติได้ดี เค็มๆ ถ้ามีผักก็ออกขมๆ แล้วแต่ว่าวันนั้นกับข้าวเป็นอะไร"

รู้จักเขายัง?? 'เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์' ผู้ชายสองขั้ว






**คนสองขั้วโลก


"ผมใช้ชีวิตอยู่ 2 เดือน มันเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้เลย คนที่มีหัวตะวันตกมากๆ ที่เคยอยู่ในประเทศที่คิดว่าเราแน่ที่สุด เจ๋งที่สุด ไปที่ไหนก็บอกอยู่อเมริกา เรียนอเมริกา กระตุกเรากลับหลังหันมาเลย


ในโลกที่คิดว่ามีเสรีนิยมสูง มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างอเมริกา ผมกลับรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่จีน ทั้งความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและเวลาไปไหนมาไหน ความมั่นใจ ความมีส่วนร่วม ความเป็นส่วนหนึ่งของสังคม รู้สึกว่าอยู่จีนแล้วเป็นส่วนหนึ่งมากกว่า


กระตุกให้เราคิดอีกว่าในโลกเสรีที่ทุกคนมีสิทธิ มีความเท่าเทียมกัน ทุกคนมีเสรีภาพแต่เรากลับรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย แต่ที่จีนกลับรู้สึกปลอดภัย กลับกลายเป็นในโลกคอมมิวนิสต์มีเสรีภาพอยู่ในนั้นเยอะมาก มีเสรีภาพมากกว่าอเมริกาด้วยซ้ำ"


"แม้ผมใช้ชีวิตแค่ 29 ปี แต่อยู่ใน 2 ขั้วที่ต่างกันสุดๆ โลกที่คนมองว่าเสรีนิยมกับโลกเผด็จการ และสำหรับผมทุกนาทีคือการเรียนรู้"


รู้จักเขายัง?? 'เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์' ผู้ชายสองขั้ว





**เป็นอาจารย์สอนหนังสือ


หลังเรียนจบการค้าระหว่างประเทศที่จีน "เขตรัฐ" กลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือเพราะในใจมีความรู้สึกอยากทำเพื่อส่วนรวมและคิดว่าอาชีพนี้น่าจะตอบโจทย์


"ตอนแรกสอนบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ประมาณครึ่งปี ก็ไม่ชอบ รู้สึกเหมือนสอนไปวันๆ ไม่มีความท้าทาย รู้สึกชีวิตเราเหมือนหุ่นยนต์ ทำเหมือนเดิมๆ จึงตัดสินใจย้ายไปธรรมศาสตร์ สอนที่วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ สอนภาษาอังกฤษ แล้วสอนประวัติศาสตร์ไทย แต่ตอนหลังย้ายไปอยู่คณะวิทยาการเรียนรู้ศึกษาศาสตร์"


รวมเบ็ดเสร็จ "เขตรัฐ" เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ประมาณ 2 ปีครึ่ง



เขาเล่าว่า ช่วงแรกที่สอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ เป็นช่วงที่ลำบากที่สุดช่วงหนึ่ง "ทุกคนชอบคิดว่าเป็นลูกอาจารย์เอนกแล้วจะสบาย จริงๆไม่ใช่เลย พ่อผมไม่ช่วยใครเลย พ่อเคยบอกผมว่า ถ้าลูกขับรถไปชนใคร ไม่ต้องโทรหาป๊า และไม่ต้องโทรหาใครที่ป๊ารู้จัก คำนี้มันติดอยู่ในหัวผมตลอด"


**เปลี่ยนจากอาจารย์เข้าสู่การเมือง


เมื่อถามว่าในเมื่ออาชีพอาจารย์ก็เป็นอาชีพที่ตอบโจทย์ในการช่วยเหลือสังคม ทำไมจึงเปลี่ยนมาสู่สนามการเมือง ทีมโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า "ยิ่งสอนไปก็ยิ่งเห็นระบบ ยิ่งเห็นระบบก็ยิ่งรู้ว่ามันพันกันเป็นวงกลม อยากจะทำอะไรก็ติดปัญหา ทุกจุด ทุกเรื่อง ปัญหาอยู่ที่ระบบ ระบบกำหนดนโยบายมายังไง ผมก็เป็นได้แค่ผู้ตาม เป็นได้แค่ผู้สนองนโยบายเท่านั้น ไม่สามารถกำหนดนโยบายได้ หากผมจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องทำผ่านลูกศิษย์ของผม ซึ่งการจะสอนลูกศิษย์แต่ละคนให้เติบโตขึ้นมามีความคิดที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ได้ใช้เวลาแค่ 1-2 วัน ใช้เวลาเป็น 5 ปี 10 ปี


ผมจึงคิดว่าอย่างน้อยผมต้องได้มามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ผมไม่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ ผมชอบทำ เพราะถ้าพูดไปวันๆ ไม่เกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนบ่นไปวันๆ


การเป็นอาจารย์ มีแต่ทฤษฎี ไม่ได้ปฏิบัติจริง บาครั้งเอาทฤษฎีมาตีกรอบสังคม นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ออกมา"


เขตรัฐบอกว่า "ผมไม่สามารถฝากชะตาของผมและลูกผมไว้ในมือของใครได้แล้ว ถึงเวลาที่เราต้องกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง" ซึ่งฟังดูแล้วก็อาจจะไปคล้ายๆ คำพูดของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่


**เป้าหมายการเข้าสู่การเมืองคือทำงานเยาวชน


เขตรัฐ ซึ่งมีบทบาทเป็นคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสโมสรผู้นำเยาวชนพรรคด้วย บอกถึงเป้าหมายหนึ่งในการเข้ามาทำการเมือง ว่า คือการทำสโมสรเยาวชนพรรค คือโครงการ Act Youth ซึ่งจะเป็นการสร้างพื้นที่ให้เยาวชนที่สนใจทำเพื่อส่วนรวม


"เราจะสร้างพื้นที่ให้เยาวชนที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเป็นเยาวชนที่ไม่ต้องการสร้างความแตกแยก ต้องเป็นเยาวชนที่พร้อมจะรับฟังผู้ใหญ่ ไม่ใช่เยาวชนแบบโลกของฉัน (me world) อย่างเดียว คุณมีเสรีภาพได้แต่ต้องไม่ล้ำเส้นคนอื่น ไม่เบียดเบียนคนอื่น ต้องอยู่ในกรอบของสังคม"


เขตรัฐพูดถึงรูปแบบของกิจกรรมว่าคือเปิดรับฟังเด็กๆ ซึ่งจะรับตั้งแต่อายุ 16-25 ปี มาช่วยกันคิดว่าอยากเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรค แต่จำเป็นต้องมีความเห็นและอุดมการณ์เดียวกับพรรคจะมีกิจกรรมแรกประมาณปลายเดือนสิงหาคม


"ปัญหาหนึ่งของสังคมตอนนี้คือไปให้ค่านิยมต่างชาติมาก หนึ่งในค่านิยมนั้นคือ ทุนนิยม วัตถุนิยม ทำให้เด็กไทยชอบของแพง ชอบแบรนด์เนม ชอบคนมีเงิน นับถือคนที่มีเงินเป็นสังคมที่น่ากลัวมาก เกิดธุรกิจเช่ากระเป๋าแบรนด์เนม การปล่อยเครดิตของระบบง่าย ทำให้คนขาดวินัยทางการเงิน ความพอดีหายไม่รู้จักพอเพียง ทำลายเอกลักษณ์ความเป็นไทย สังคมเมืองเริ่มไม่ใช่สังคมไทยบีบให้คนยิ่งเห็นแก่ตัว คนทำเพื่อส่วนรวมน้อยลง"


เขตรัฐบอกว่า การทำกิจกรรมสโมสรเยาวชนของพรรคจะไม่เน้นการทำสโมสรที่ส่วนกลาง ไม่เน้นสังคมเมือง จะเน้นให้แต่ละสาขาตามต่างจังหวัดสามารถยืนได้ตัวเอง จะมีสาขาในทุกจังหวัดและจะดึงเอกชนเข้ามาร่วมด้วย เป็นธุรกิจเพื่อสังคม


รู้จักเขายัง?? 'เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์' ผู้ชายสองขั้ว





**ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจเพื่อหนุนทหาร


"เขตรัฐ" บอกด้วยว่าอาจารย์เอนกผู้เป็นพ่อมีความต้องการทำโรงเรียนการเมืองของพรรค ซึ่งจะมี 3 หลักสูตร คือ สำหรับผู้ร่วมจัดตั้ง สำหรับนักการเมืองและผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และหลักสูตรสำหรับเยาวชน ซึ่งในส่วนของหลักสูตรที่สามก็จะนำมาใช้กับสโมสรเยาวชนของพรรค


"พ่อร่างหลักสูตร ลูกมาดูอีกทีว่าหลักสูตรเหมาะแก่เยาวชนไหม เยาวชนจะชอบไหม"


เขตรัฐย้ำว่าเขากับพ่อต้องการเห็นระบบการเมืองแบบใหม่ เป็นการเมืองเพื่อส่วนรวมจริงๆ เป็นพรรคการเมืองของประชาชนนักการเมืองเป็นเพียงผู้รับนโยบายไปทำ


ถามว่าจะทำได้หรือเพราะพรรคนี้ถูกมองว่าเป็นพรรคหนุนทหาร เขตรัฐตอบทันทีว่า "เราต้องถอดกรอบความคิดใหม่ ถ้ามองอย่างผม 1.ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนระบบการเมืองแล้วไม่มีนักการเมืองที่เชี่ยวชาญ รู้ระบบดีจริงๆ อยู่ในระบบมานานถึง 40 ปี อย่างกำนันสุเทพ คุณจะไปเปลี่ยนอะไรได้ เพราะคุณตายตั้งแต่หน้าประตูแล้ว 2.ถ้าคุณไม่มีคนที่เป็นทั้งนักการเมืองและนักวิชาการอย่างอาจารย์เอนกที่เป็นนักรัฐศาสตร์ด้วย คุณจะสร้างระบบใหม่ได้อย่างไร การที่ 2 คนเข้ามาจับมือทำงานกันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า แทนที่จะมองแค่ว่าคนนึงต้องการมาเป็นหัวหน้าพรรค คนนึงต้องการหนุนทหารผมเชื่อว่ากำลังของ 2 คนนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้"


"อย่าเข้าใจผิดว่าพรรคเราเป็นพรรคเฉพาะกิจเพื่อหนุนทหาร ถ้าเราเป็นพรรคเฉพาะกิจเพื่อหนุนทหารเราจะไม่จริงจังเรื่องสโมสรเยาวชน เราจะไม่มีโรงเรียนทางการเมือง ถ้าเป็นพรรคเฉพาะกิจจะไม่ทุ่มทุน ทุ่มแรง ทุ่มบุคลากรมาทำ"


**ทำไมเข้ามาช่วงการเมืองแบ่งขั้ว


ถามว่าการเมืองช่วงนี้มีการแบ่งขั้วรุนแรงไม่น่าจะเข้ามาหรือไม่ เขตรัฐ บอกว่า ที่เขาเข้ามาเพราะการเมืองถูกแบ่งขั้วและเขาคิดว่าตัวเองมองทุกอย่างอย่างเป็นกลาง ไร้อคติ


"ผมเล็งเห็นคนอีกกลุ่มใหญ่เหมือนผม ไม่เลือกฝั่ง แต่พวกเขาไม่มีที่ยืน ผมจึงเข้ามาเพื่อเปิดทางให้เขาว่ามีพรรคที่เป็นกลางสามารถเข้ามาร่วมได้"


ถามว่าจะเป็นกลางได้หรือในเมื่อ "สุเทพ" ซึ่งถูกประทับตราว่ายืนอยู่ฝั่งหนึ่งอยู่ในพรรคนี้ด้วย "เขตรัฐ" บอกว่า "อันนั้นสังคมไปประทับตราเขาเอง และตอนนี้กำนันสุเทพก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ร่วมก่อตั้ง ไม่ใช่เจ้าของพรรค ไม่ใช่หัวหน้าพรรค และจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรคและทางการเมือง"



ถามว่าสุเทพจะเป็นอุปสรรคในเป้าประสงค์ของพรรคที่จะเปิดพื้นที่ให้คนที่เป็นกลางหรือไม่ เขตรัฐบอกว่า เท่าที่สัมผัส สุเทพมา 3-4 เดือน เห็นว่าเป็นคนมีเจตนาที่ดีและเป็นอาจารย์ทางการเมืองที่ดีที่สุด และไม่อยากให้ไปติดภาพในอดีตของสุเทพและไม่คิดว่าสุเทพจะเป็นจุดอ่อนของพรรค


**ขอเลือกเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ


ถามว่าถ้าให้เลือกเป็นรัฐมนตรีหนึ่งกระทรวงจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน เขตรัฐบอกว่าขอเลือกกระทรวงศึกษา เพราะเป็นกระทรวงที่เป็นสันหลัง คือแก่นจริงๆ ประเทศไทย


"จะไม่เป็นประเทศถ้าไม่มีคนอยู่ในนั้น การพัฒนาคนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างประเทศแบบยั่งยืน"


**ไอดอลทางการเมือง "พ่อ - ชวน - เสธ.หนั่น - กำนันสุเทพ"


เมื่อถามถึงไอดอลทางการเมืองที่เป็นนักการเมืองไทย แน่นอนไอดอลคนหนึ่งของเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันคือพ่อ สำหรับนักการเมืองคนอื่นนั้น เขตรัฐบอกว่า ไอดอลตอนเด็กของเขาคือ นายชวน หลีกภัย ที่ชอบนายชวน เพราะชอบในความเป็นคนติดดิน ไม่ใช่นักการเมืองที่บ้านหลังใหญ่ และอีกคนหนึ่งคือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นักการเมืองที่ผู้เป็นพ่อเขาเคยใกล้ชิด โดยบอกว่า ชอบในความใจกว้าง เสียสละของ พล.ต.สนั่น


ส่วนนักการเมืองที่เป็นไอดอลในปัจจุบันของเขตรัฐ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "ลุงกำนัน"


สำหรับอนาคตในสนามการเมืองนั้น เขตรัฐบอกว่าถ้าเลือกได้เขาคงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์


**ทำไมต้องเลือกเขตรัฐ?


"ผมอยากเปิดพื้นที่ให้คนที่มองว่าการเมืองเป็นเรื่องน่ากลัว ไกลตัว ทุกวันนี้การเมืองเป็นลบ จริงๆ ไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผมอยากเปิดพื้นที่ให้เห็นว่าจริงๆ ยังมีความหวังอยู่ ผมอยากสร้างการเมืองใหม่ ทำการเมืองแบบใหม่ผมไม่ได้อยากเป็นนักการเมือง แต่อยากเป็นคนที่ทำประโยชน์เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เพื่อส่วนรวม"


ติดตามอนาคตทางการเมืองของหนุ่มคนนี้กันต่อไป...