Fitch Rating เตือนสงครามการค้าของทรัมป์ อาจส่งผลการค้าโลก ต้องสูญเสียเถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

สหรัฐยังคงเพิ่มความพยายามในการบล็อก China Mobile ที่มีสมาชิกใช้งานมากถึง 899 ล้านราย ซึ่งกำลังจะขยายบทบาทเข้าลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีและสื่อสารของสหรัฐ แต่ล่าสุดทีมงานของทรัมป์กลับยอมให้บริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่ของจีน กลับมาดำเนินธุรกิจบางส่วนได้ชั่วคราวธนาคารกลางจีนโดดเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนเมื่อวานนี้ ส่งผลให้เงินหยวนเด้งกลับมาซื้อขายที่ระดับ 6.63 หยวนต่อดอลลาร์ในตลาด Onshore ในเช้าวันพุธ ส่วนเงินหยวนในตลาด Offshore ก็ดีดกลับแข็งค่าแตะ 6.6416 หยวน ขณะที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติงจีนย้ำดูแลเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ พร้อมกับจะติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายเงินตราใกล้ชิด โดยจะยังคงนโยบายการเงินที่เป็นกลางไว้1. Fitch Rating บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ออกโรงเตือนการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจนำไปสู่การตอบโต้ใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการค้าโลกรวมเป็นมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ หากว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้าทำสงครามการค้าต่อไปไบรอัน คัลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Fitch Rating กล่าวว่า การที่สหรัฐเริ่มใช้นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ รวมถึงการวางแผนเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่พุ่งเป้ามาที่สหรัฐ ได้ส่งผลถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และหากมีมาตรการใหม่ที่จะมีการนำมาใช้ต่อๆ ไป อาจเป็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้สงครามการค้าทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น2. มาตรการทางการของสหรัฐ จีน และสหภาพยุโรป (EU) ที่ประกาศตอบโต้กันนั้นอาจยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ แต่ก็ได้ส่งสัญญาณลบต่อการค้าโลกที่รุนแรง นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่หลายครั้ง จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 450,000 ล้านดอลลาร์นอกจากนี้ มีรายงานข่าวอ้างถึงการเตรียมการของทีมงานทำเนียบขาวมีการเสนอที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจเกากจีนสูงถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีนก็ประกาศตอบโต้สหรัฐที่จะเอาคืนทุกดอลลาร์ รวมทั้ง EU กำลังเตรียมการตอบโต้เช่นกันที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากถึง 294,000 ล้านดอลลาร์ หากว่าสหรัฐประกาศเก็บภาษีรถยนต์จาก EU ในอัตรา 20-25% ตามที่เคยประกาศไว้3. จากการาายงานของสื่อในสหรัฐ ระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีความพยายามที่จะบล็อก China Mobile ซึ่งมีเจ้าของคือ China Mobile Communications Corp. ของทางการจีนนั้น ที่กำลังมีการขยายตัวในต่างประเทศอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการขยายบทบาทเข้าลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีและสื่อสารของสหรัฐ ทั้งนี้ China Mobile นับเป็นกิจการของจีนที่เป็น Mobile Phone Operator รายใหญ่ที่สุดของโลกในขณะนี้ โดยเปิดดำเนินการในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2011 ปรากฎว่ามีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกใช้งานมากถึง 899 ล้านราย4. มีรายงานข่าวระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้อนุมัติให้บริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่ของจีน กลับมาดำเนินธุรกิจบางส่วนได้ชั่วคราว โดยคำสั่งของสำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคงของสหรัฐที่อนุมัติให้บริษัท ZTE ดำเนินการได้ชั่วคราวนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 2 กรกฑาคม-1 สิงหาคมนี้นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า ทางการสหรัฐกำลังพิจารณาว่าควรยุติคำสั่งห้ามบริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับ ZTE เป็นเวลา 7 ปีหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้ออกคำสั่งห้ามเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจาก ZTE ส่งออกสินค้าไปยังอิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ5. บรรยากาศความตึงเครียดของสงครามการค้า ยังได้ส่งผลต่อเงินหยวนของจีนตกเป็นเป้าการถล่มขายอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ทำให้เงินหยวนที่มีการซื้อขายในประเทศ หรือ Onshore Yuan ดิ่งลงอย่างรวดเน็วทะลุระดับ 6.69 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวันอังคาร และค่าเงินหยวนในตลาด Offshore ดิ่งลงอย่างรุนแรงเชียเดียวกันแตะที่ 6,7332 หยวนต่อดอลลาร์การอ่อนค่าเงินหยวนดังกล่าว เป็นการร่วงลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 ได้ทำให้ธนาคารกลางจีนต้องโดดเข้าแทรกแซง ณ จุดดังกล่าว ส่งผลให้เงินหยวนเด้งกลับมาซื้อขายที่ระดับ 6.63 หยวนต่อดอลลาร์ในตลาด Onshore ในเช้าวันพุธขณะเดียวกันเงินหยวนในตลาด Offshore ก็ดีดกลับแข็งค่าแตะ 6.6416 หยวน ยี่ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวย้ำถึงการดูแลเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ พร้อมกับจะติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยจะยังคงนโยบายการเงินที่เป็นกลางไว้แถลงการณ์ดังกล่าวชี้ว่า ธนาคารกลางจีนยังจะดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนมีเสถียรภาพในระดับที่สมเหตุสมผลและสมดุล หลังจากที่ตลาดซื้อขายเงินหยวนมีความผันผวนในระดับหนึ่ง โดยความผันผวนที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะปัจจัยจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และความไม่แน่นอนในตลาดการเงินต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าธนาคารกลางติจีน กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านการเงินของจีนนั้นสามารถควบคุมได้ และจีนเองก็มีระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทานของตลาด รวมทั้งการอ้างอิงตะกร้าสกุลเงินต่างๆ