สำหรับประเด็นที่ "กลุ่มคนรักษ์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตั้งคำถามกับทางกองทัพภาคที่ 3 และทางจังหวัดพิษณุโลก ก็คือ ประเด็นแรกทางกลุ่มไม่ได้คัดค้านเรื่องการก่อสร้างพระตำหนักฯหลังใหม่ แต่ไม่เห็นด้วยกับจุดที่สร้าง เพราะบดบังศาลฯหลังเดิม ประเด็นต่อมา ตามคำแถลงที่จะอัญเชิญ "พระบรมรูปพระองค์ดำ" ไปประดิษฐานยังสถานที่แห่งใหม่ จะเป็นการผิดเจตนารมณ์เดิมที่ให้ทุกคนช่วยกันรักษาศาลสมเด็จพระนเรศวรเอาไว้หรือไม่ ที่สำคัญการออกแบบพระตำหนักฯหลังใหม่ ยังมีปัญหาเรื่องคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ทำให้ดูไม่สง่างาม ไม่สมพระเกียรติ ผิดกับศาลพระนเรศวรหลังเดิม และการวางผังก่อสร้างพระตำหนักฯหลังใหม่ ยังทับแนวกำแพงของพระราชวังจันทน์ ทำให้โบราณสถานได้รับผลกระทบด้วย
จากคำถามของกลุ่มคนรักษ์ศาลสมเด็จพระนเรศวร "ทีมล่าความจริง" ได้ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พลตรี สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้รับคำชี้แจงว่า คณะกรรมการที่ริเริ่มโครงการฯ ได้ทำเรื่องขออนุญาตการก่อสร้างกับกรมศิลปากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งทำประชาพิจารณ์กับคนในชุมชน ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย จึงได้เริ่มก่อสร้าง เมื่อการก่อสร้างมีปัญหาเรื่องแบบแปลน ทางคณะกรรมการฯก็พยายามปรับแก้ตามแบบที่กรมศิลปากรอนุญาต ซึ่งขณะนี้ก้าวข้ามขั้นตอนเหล่านั้นมาทั้งหมดแล้ว
รองแม่ทัพภาคที่ 3 บอกด้วยว่า ความมุ่งหมายเดิมและยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน คือต้องการก่อสร้างศาลหลังใหม่ (ซึ่งก็คือพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) เพื่ออัญเชิญพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่อยู่ในศาลหลังเก่า ไปประดิษฐานยังศาลหลังใหม่ เพื่อให้ประชาชน คนเฒ่า คนแก่ สามารถเข้าสักการะได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นยังเตรียมทำห้องที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ของพระองค์ดำ เพื่อเฉลิมพระเกียรติด้วย รองแม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันด้วยว่าศาลฯหลังเดิม จะไม่มีการทุบทำลายหรือรื้อออก แต่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ ออกแบบทางด้านภูมิสถาปัตยกรรมให้สวยงาม สอดคล้องกันอย่างสมพระเกียรติแน่นอน
เป็นคำชี้แจงชัดๆ อีกครั้งจากทางกองทัพภาคที่ 3 หนึ่งในหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรฯหลังใหม่ ปัญหานี้จะจบอย่างไร ล่าความจริงจะเกาะติดมารายงานให้ทราบเป็นระยะ เพราะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระราชวังจันทน์ คือโบราณสถานสำคัญ และเป็นศูนย์รวมจิตใจ ไม่เพียงแค่ชาวจังหวัดพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นของคนไทยทั้งประเทศด้วย