svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

สารพัดปัญหา "ยาอันตราย" แพร่หลายไร้การควบคุม

มาขยายปมกันต่อกับประเด็น "อาหารเสริม" ที่ผลิตแบบไม่ได้มาตรฐาน ตั้งแต่ "เมจิกสกิน" ที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ขยายผลไล่ตรวจตามแหล่งจำหน่ายกันอย่างหนัก นอกจากนั้นยังมีอาหารเสริม "ลีน" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4 ราย เนื่องจากมีสารอันตรายผสมอยู่ ซึ่ง "ล่าความจริง" ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจให้ตามกันต่อ ใครอยากรู้ว่าจำเป็นไหมที่เมื่อเรารับประทานสารอันตรายชนิดนี้เข้าไปแล้วต้องตายทุกคน หรือทานเข้าไปสะสมนานแค่ไหนถึงจะเป็นอันตราย วันนี้มีคำตอบมาฝากแน่นอน

หนึ่งในสารอันตรายที่ผสมอยู่ในอาหารเสริม "ลีน" คือสารที่ชื่อว่า "ไซบูทรามีน ไฮโดคลอไรด์" สารตัวนี้มักถูกนำไปผสมในอาหารเสริมเพื่อลดความอ้วน มีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ไม่อยากอาหาร สารตัวนี้ถูกพัฒนาและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกเมื่อเกือบๆ 30 ปีที่แล้ว แต่เมื่อใช้ไปสักพักก็พบว่ามีผลข้างเคียง  และสามารถทำให้เสียชีวิตได้  จึงเพิกถอนการใช้เมื่อเกือบ 10 ปีมาแล้ว  ทั้งประเทศในแถบตะวันตก สหรัฐอเมริกา รวมถึงพี่ไทยของเราด้วย ระยะเวลาที่เพิกถอนการใช้ก็นานพอสมควร  แต่ปัญหาคือ บ้านเรายังมีการลักลอบผลิตกันอยู่  เรียกว่ายังมีห้องปฏิบัติการที่สามารถสังเคราะห์สารชนิดนี้ออกมาส่งให้ผู้ประกอบการไร้จรรยาบรรณนำไปผสมในอาหารเสริมลดความอ้วนอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมหยุด

"ล่าความจริง" ได้ติดต่อขอข้อมูลเรื่องนี้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรพลิกศพ ข้อมูลที่ได้รับเน้นหนักไปที่การตรวจหาสารอันตรายหลังเกิดการเสียชีวิต คุณหมอบอกว่า จริงๆ แล้วยาลดน้ำหนักที่มีใช้กันทั่วโลก ถูกเพิกถอนไปเยอะแล้ว เหลือยาที่ปลอดภัยที่ไม่ทำให้ตายแค่ไม่กี่ตัว / ประเทศไทยเองก็เพิกถอนยาพวกนี้ตามหลังสหรัฐและยุโรป แต่ปัญหาของไทยอยู่ที่การคุบคุมมากกว่า / เพราะสภาพความเป็นจริงหลังการเพิกถอน นอกจากจะยังมีขายแล้ว ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย


อยากให้คุณผู้ชมดูตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้น 2 ตัวอย่างนี้ เคสแรกเราอธิบายรายละเอียดไปแล้วเมื่อวาน  เหยื่อเป็นหญิงชาวญี่ปุ่นที่สั่งซื้ออาหารเสริมจากไทย เป็นการสั่งทางออนไลน์  เธอทานเข้าไปไม่นานก็เสียชีวิต เมื่อทางการญี่ปุ่นตรวจสอบก็พบว่าปกติเธอรับยารักษาทางจิตเวชอยู่แล้ว แต่เธอได้รับสาร "ไซบูทรามีน ไฮโดคลอไรด์" จากอาหารเสริมเข้าไป จนทำให้ระบบสมองทำงานหนักกว่าปกติและเสียชีวิต  แพทย์ระบุชัดเจนว่าเป็นเพราะสารไซบูทรามีนในอาหารเสริมที่เธอสั่งซื้อจากประเทศไทย  แสดงให้เห็นว่าทางการไทยไม่สามารถควบคุมการผลิตอาหารเสริมอันตรายได้อย่างเด็ดขาดหลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าการควบคุมยังไม่เด็ดขาดแบบนี้  ก็แปลว่าอาหารเสริมที่เป็นอันตรายยังมีอยู่รอบตัวเราใช่หรือไม่ คำตอบคือ "ใช่" แต่ทานเข้าไปจะตายหรือไม่ตายเป็นอีกเรื่องหนึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า ร่ายกายของคนเราไม่เหมือนกัน นึกภาพง่ายๆ อย่างพวกที่เสพยาบ้า บางครั้งเราก็เห็นข่าวว่าเสพยาแล้วตาย  

แต่บางครั้งก็ยังเห็นคนเสพยาถูกจับ และยอมรับสารภาพว่าเสพมานานแล้ว ไม่เห็นตายเลย นั่นแสดงว่าปริมาณยามากหรือน้อยไม่ได้สัมพันธ์กับความตายเร็วหรือช้าอย่างเดียว  แต่เราต้องมาดูว่าคนคนนั้นมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนหรือเปล่า  เขาอาจรับยารักษาโรคบางตัวอยู่ หรือว่าร่างกายไม่แข็งแรง  แบบนี้เมื่อรับยาที่เป็นสารพิษเข้าไปอีก ก็จะทำให้ตายเร็วขึ้น

ประเด็นต่อมา จากคำถามที่ว่าถ้าในร่างกายของผู้เสียชีวิตมีสารตัวนี้อยู่ และเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อย่างล่าสุดในบ้านเราก็มีข่าวว่ามีคนตายไป 4 คนแล้วจากการรับประทานอาหารเสริม "ลีน" เครื่องมือเครื่องไม้ที่เรามี จะสามารถตรวจพบสารนี้ได้จริงหรือไม่ คำตอบประเด็นนี้อยู่ในเคสตัวอย่างที่ 2

ตัวอย่างที่สองนี้ เหยื่อเป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เธอสั่งซื้ออาหารเสริมมาจากอินเตอร์เน็ต ไม่ได้ระบุว่าปลายทางคือประเทศอะไร เพียงแต่บอกว่าเป็นสมุนไพรจากทางฝั่งเอเชีย เชื่อว่ามีผลในการลดน้ำหนัก เมื่อเธอเสียชีวิตก็ถูกนำร่างไปตรวจชันสูตร  ผลที่ออกมาเป็นรายงานทางการแพทย์สรุปว่าหัวใจล้มเหลว ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเพราะสารอันตราย "ไซบูทรามีน ไฮโดคลอไรด์"  แพทย์ก็พยายามจะระบุสาเหตุการเสียชีวิตให้มากกว่านี้ จนไปพบว่าหญิงคนนี้เคยประสบอุบัติเหตุ และตัวอย่างเลือดของเธอยังคงถูกเก็บเอาไว้ แพทย์จึงได้นำเลือดมาตรวจละเอียดอีกครั้ง คราวนี้เจอจะๆ  ผลเลือดออกมาว่ามี "สารไซบูทรามีน ไฮโดคลอไรด์" สูงจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
ที่เรายกตัวอย่างนี้เพื่อให้เห็นอีกหนึ่งประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ คือรายละเอียดในการตรวจหาสารอันตรายในเลือด  แต่ละสารต้องมีชุดน้ำยาเพื่อเทียบเคียงตัวอย่างเฉพาะ ยกตัวอย่างยาบ้า  ประเทศเรามีคนเสพเยอะ คนตายก็เยอะ การตรวจได้ถูกพัฒนาจนเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากแล้ว แต่สารที่มักถูกนำไปใส่ในยาลดความอ้วน ยังไม่มีกรรมวิธีการตรวจที่รวดเร็วและแม่นยำเลย  เท่านั้นยังไม่พอ  การตรวจแต่ละครั้งต้องมีผู้เชี่ยวชาญในตัวสารนั้นๆ ด้วย ในต่างประเทศที่เจอกันมาก เพราะเขาเก็บตัวอย่างเลือดเอาไว้ แต่ในไทยยังไม่เคยมีตัวอย่างเลือดคนตายจากสารตัวนี้ จึงไม่รู้ว่าไม่เคยมีใครตายเลยจริงๆ หรือการตรวจชันสูตรยังไปไม่ถึง นี่เป็นข้อจำกัดทางการแพทย์ที่อาจส่งผลในทางคดี การตรวจพิสูจน์ และการป้องกันในแทบทุกมิติเลยทีเดียวนี่คือโจทย์ใหญ่ที่นอกจากปัญหาในการทลายแหล่งผลิต แหล่งสังเคราะห์สารที่ยังทำไม่ได้สมบูรณ์แล้ว  กระบวนการตรวจพิสูจน์เพื่อนำผลมาย้ำเตือนความอันตรายให้ประชาชนได้ตระหนัก ก็ยังไม่ครอบคลุมอีกด้วย