เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 เม.ย.2561 ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าโรงแรมดุสิตธานี งานเทศกาลสงกรานต์ ถนนสีลม ประจำปี 2561 หรือ ศปก.สีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจความพร้อม และความเรียบร้อยในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ภายในบริเวณถนนสีลม โดยมีพ.ต.อ.ศาสตรา อ่อนรัศมี ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ รายงานผลการดูแลความปลอดภัยรอบพื้นที่
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ในช่วงเวลา 11.00 น. จะมีการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่เทศกิจ กำลัง 752 นาย ออกดูแลความปลอดภัยรอบพื้นที่ถนนสีลม ซึ่งมีการปิดการจราจรตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-24.00 น. โดยช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. จะเริ่มปิดการจราจรและตั้งจุดคัดกรองทั้ง 12 จุด รอบพื้นที่งานระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร พื้นที่ประมาณ 19,000 ตร.ม. ซึ่งพื้นที่สามารถรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 60,000 คน และในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ มีกล้องCCTV 183 ตัว และ สน.บางรัก 89 ตัว ซึ่งจะใช้ตรวจสอบเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการประทุษร้ายต่อทรัพย์เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่เกิดเหตุการณ์ประทุษร้ายต่อทรัพย์สินแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนที่จะเข้าไปภายในพื้นที่เล่นน้ำ ต้องผ่านจุดคัดกรองและเครื่องสแกน เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้นกระเป๋า ไม่ให้นำสิ่งของต้องห้าม อาทิ กรรไกร มีด คัตเตอร์ ของแหลมมีคม ปืนแรงดันสูง สุรา ฯลฯ ก็จะตรวจยึดเก็บไว้ และให้คำแนะนำกับผู้ที่จะมาเล่นน้ำ ทั้งนี้มีเพียงประชาชนแจ้งทรัพย์สินสูญหายเป็นในลักษณะหล่นหาย แต่ไม่มีแผนประทุษกรรมของคนร้ายที่มีการกรีดกระเป๋า หรือใช้คัตเตอร์ตัดสายคล้องคอที่แขวนทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งมีประชาชนแจ้งทรัพย์สินสูญหาย 10 ราย ติดตามคืนมาได้ 2 ราย
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ฯ ยังได้ออกเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชน ไม่ให้มีการดื่มสุรา และอยากฝากเตือนว่ามาเล่นสงกรานต์เพื่อประเพณีไทย อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ขาดสติได้ และเรื่องการเล่นน้ำ อะไรที่ไม่ควร เช่น การใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ห้ามเล่นแป้ง และแต่งกายควรให้เหมาะสม ไม่ควรแต่งกายโป๊ ส่อไปในทางที่ก่อให้เกิดการยั่วยุ
ทั้งนี้ สำหรับในภาพรวมของกองบัญชาการตำรวจนครบาล คดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.-ปัจจุบัน แบ่งเป็น คดีกลุ่ม 1 เกี่ยวกับคดีการทำร้ายร่างกาย คดีฆ่า คดีเพศ ปี 2561 ได้รับแจ้งเพียง 4 ราย เป็นคดีทำร้ายร่างกายเล็กๆ น้อยๆ โดยในปี 2560 รับแจ้ง 11 ราย ปีนี้ลดลง 7 ราย ส่วนคดีกลุ่ม 2 คดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ปี 2561 รับแจ้ง 31 ราย ปี 2560 รับแจ้ง 61 ราย แสดงว่าลดลง 30 ราย เป็นคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามบ้านเรือนต่างๆ คดีกลุ่ม 2 ลดลง อาจเป็นเพราะพี่น้องประชาชนเข้าร่วมโครงการประชารัฐร่วมใจ ดูแลความปลอดภัยบ้านเรือนพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่ามาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทำให้คดีอาชญากรรมลดลงจากปีที่ผ่านมา