สั่งสอบโครงการ 9101 ซื้อพันธุ์"ปลาดุก"-หัวอาหารแพง

จากกรณีชาวบ้านพบความผิดปกติการดำเนินโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด และ อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง เขาวง และ อ.สมเด็จ ซึ่งมีการเสนอซื้อพันธุ์ข้าวเปลือกนาปรัง พันธุ์ปลาดุกขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับราคา หัวอาหารปลาดุก และปุ๋ยชีวภาพมีราคาแพงและราคาสูงกว่าท้องตลาด


ล่าสุดวันที่ 11 ธันวาคม 2560 พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.กอ.รมน.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับแต่งตั้งจากทางจังหวัดให้เป็นประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ชาวบ้านพบความผิดปกติในการจัดซื้อพันธุ์ปลาดุกที่มีขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับราคา การจัดซื้อหัวอาหาร พันธุ์ข้าวเปลือก และปุ๋ยในโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด และ อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง เขาวง และ อ.สมเด็จ ซึ่งชาวบ้านระบุว่ามีความปกติ เนื่องจากมีราคาแพงและสูงกว่าท้องตลาด


เบื้องต้นจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ทั้ง 6 อำเภอต่อไปว่ามีการซื้อแพงเกินจริงหรือไม่ หากพบมีการทุจริตจริงก็จะถูกลงโทษอย่างหนักกับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐเพราะโครงการดังกล่าวได้กำชับไปแล้วว่าให้ดำเนินการอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดกับชาวบ้านด้านนายอภิสิทธิ์ แสนคนุง อายุ 41 ปี ชาวบ้านนาคู ม.9 ต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมและเป็นสมาชิกกลุ่มเลี้ยงปลาดุกชุมชนนาคู 1 กล่าวว่า นอกจากทางกลุ่มฯจะไม่รับพันธุ์ปลาดุก และหัวอาหารที่เจ้าหน้าที่นำมาให้เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูน้ำท่วม เนื่องจากขนาดปลาเล็กจิ๋วไม่เหมาะสมกับราคาตัวละ 2 บาท และหัวอาหารที่ผลิตมานานถึง 3 ปี แต่มีราคาแพงถึงกระสอบละ 580-600 บาทแล้ว 


ทางกลุ่มฯยังถูกเจ้าหน้าที่บีบบังคับให้แก้ไขเอกสารราคา และรายละเอียดในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และปัจจัยการผลิต เพื่อให้ราคาและรายละเอียดการจัดซื้อ เช่นพันธุ์ปลาดุก ตัวละ 2 บาท หัวอาหารกระสอบละ 580-600 บาทเหมือนกันทั้งอำเภอ ซึ่งทางกลุ่มไม่ยอม เพราะราคาที่ทางกลุ่มซื้อมาจริงคือพันธุ์ปลาดุกราคาเพียงตัวละ 1 บาท ส่วนหัวอาหารซื้อมาเพียง กระสอบละ 425-450 บาทเท่านั้น