svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"อัจฉริยะ"แฉทนาย 11 นิ้วตัวการใหญ่วางแผนรับจ้างติดคุกคดีครูจอมทรัพย์

29 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ขอนแก่น - นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ หอบเอกสารหลักฐานพบ ชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 เผยมีเอกสารพร้อมเรื่องขบวนการจ้างคนติดคุก ระบุมีคนเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะทนาย 11 นิ้ว อักษรย่อ ธ. ธง เป็นตัวการในการวางแผนตั้งแต่แรก เผยหากตำรวจเอาจริงคดีนี้จะเป็นคดีประวัติศาสตร์

เมื่อเวลา 09.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ นำหลักฐานเอาผิดขบวนการจ้างคนติดคุก และขบวนการรับจ้างติดคุกของครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร และเครือข่ายเข้าพบคณะทำงาน ที่กองบังคับสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด จากนั่นได้มีการประชุมหารือกันโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟัง
โดยนายตำรวจที่เข้าร่วมรับฟังข้อมูลในครั้งนี้เป็นระดับนายตำรวจมือสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 4. นำโดย พล.ต. ต.ยรรยง เวชโอสภ ผบก.สส.ภ.4 พร้อมกับพ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รองผบก.สืบสวนหนองบัวลำภู ที่มาปฎิบัติหน้าที่ที่ บก.สส.ภ4 ในคดีครูจอมทรัพย์
จากนั้นเวลา 11.40 น.นายอัจฉริยะ ได้เดินออกมาจากห้องประชุมและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า การมาในวันนี้มีเอกสารสำคัญที่นำมามอบให้กับทีมสืบสวนทั้งคลิปภาพ คลิปเสียง เอกสารทางราชการ เกี่ยวกับขบวนการทั้งขบวนการจ้างคนติดคุก รับจ้างสมอ้างเป็นแพะ และรับจ้างรื้อฟื้นคดี ที่มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐร่วมอยู่ด้วย และมีทนายความ 3 คนเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ทั้งผู้วางแผนและร่วมดำเนินการด้วย
ก่อนหน้านี้ตนเคยออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว โดยมีหลักฐานสำคัญ และ มั่นใจว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ประมาณ 20 คน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ 10 คน และมีตัวการใหญ่เป็นถึงข้าราชการระดับสูง และมีฝ่ายครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ประมาณ 15 คน มีทนายความ 3 คน ที่เป็นผู้บงการการวางแผนด้านกฎหมายและสร้างพยาน หลักฐานเท็จขึ้นมา โดยหนึ่งในทีมทนายความนั้นมีทนายความ 11 นิ้ว เป็นคนวางแผนทั้งหมด เมื่อปี 2556 โดยทนายความคนนี้มีอักษรย่อคือ ธ. ธง
หลักฐานที่ตนนำมาในวันนี้เชื่อมโยงถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรมแน่นอน เพราะเขารู้แต่แรกว่ามีการสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา มีขบวนการจ้างคนติดคุก แต่ทำไมเขาถึงดันทุรังมาตรวจสอบรถ ทำไมเขาไม่ยอมหยุด แต่ยังดันทุรังอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมแถลง ดีเอสไปแถลงว่าไม่มีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนคุ้มครองพยาน ตนก็สงสัยว่าอย่างครูจอมทรัพย์ และนายสับ วาปี ครูอ๋อง อยู่ในการดูแลคุ้มครองพยานของทีมงานท่านรองปลัดกระทรวงยุติธรรม 
อยากถามว่าเขาเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก บอกมีเงินแค่ 8 หมื่นจะเป็นไปได้อย่างไร หากคิดง่ายๆ ค่าใช้จ่ายตกประมาณวันละ 1 พันบาท 3 คน ต่อเดือนก็ตกประมาณ 9 หมื่น แล้วครูจอมทรัพย์บอกเอาเงินจาก มาร์ค พิทบลู 1 ล้านบาท แล้วบอกเงินหมดแล้ว แสดงว่าเอาเงินไปไหน ทำไมหมดเร็วขนาดนั้น
"ผมมีข้อมูลว่าเงิน 1 ล้านบาท ครูจอมทรัพย์เอาไปทำอะไร เพราะครูจอมทรัพย์กับสามี มีเงินเดือนรวมกันเกือบแสนบาท แต่ละปีมีเงินรายได้กว่า 1.2 ล้านบาท และล่าสุดผมเปิดประเด็นว่า จอมทรัพย์ไปหลอกเพื่อนครูมาค้ำประกันเงินกู้และศาลมีคำพิพากษาออกมา ครูจอมทรัพย์มีรีสอร์ทให้ฝรั่งเช่า และมีเงินรายได้เยอะ เขาไม่ได้ยากจน เราเคยพูดว่าครูยอมทรัพย์ไม่ได้จน ไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่เราพูดมากไม่ได้ เพราะสังคมไม่รับฟัง 
แต่พอเราทนมา 10 เดือน เพื่อให้คดีสิ้นสุด คราวนี้เราเอาหลักฐานมาแฉเพื่อให้สังคมรับรู้ความจริง และเราก็มั่นใจว่าถ้าตำรวจเอาจริง คดีนี้จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ได้เลย เพราะคดีนี้ไม่ใช่การสมอ้างเอาคนมาติดคุกเท่านั้น แต่เป็นการตั้งศูนย์ขึ้นมาเพื่อ มารับจ้างรื้อฟื้น ทำคดีแพะโดยเฉพาะ และแสวงหาผลประโยชน์กัน"นายอัจฉริยะ กล่าว
และว่า คดีนี้เข้าข่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพราะเขารู้แล้วว่าผิด และมีปัญหาแต่ต้น แต่ทำไมเขาไม่หยุด ทำไมไปเปลี่ยนเป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งโตโยต้า และพระจอมเกล้า ตนตั้ง
คำถามกับท่านรองปลัดว่า ทำไม่ยอมหยุด ทำไมเอางบประมาณแผ่นดินไปทำผิด ทำไมถึงได้อุ้มนายสับ วาปี ไม่ให้ไปเบิกความต่อศาล ทั้งที่สับวาปี จะไปสารภาพว่ามีการจ้าง 4 แสน เป็นประเด็นที่เราอยากจะถาม ตนอยากจะถามทางทีมงานท่านรองปลัดว่าทำไม งานนี้ไม่เกี่ยวกับองค์กร แต่เป็นเรื่องตัวบุคคล ทีมนี้มีประมาณ 10 คน และมีทนายความอีก 3 คน เขาตั้งทีมกันขึ้นมา เพื่ออะไร ทั้งที่ไม่ใช่ทนายความของกระทรวงยุติธรรมแต่เป็นทนายความส่วนตัวของเขาเอง ที่เขาตั้งขึ้นมา"ไม่ใช่คดีนี้เป็นคดีแรก แต่เคยมีคดี ภาสกร สิงคิ ที่สิงห์บุรี ที่เขาเคยรื้อฟื้นคดีขึ้นมา
แต่เพียงภาสกร สิงคิ ไม่ได้เป็นข่าวดังเมืองครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เท่านั้นเอง แต่ในศาลก็มีการระบุว่ามีการว่าจ้างพยานด้วย ซึ่งจริงๆ หากไปดูในคดีต่าง ๆ กลุ่มนี้ได้ทำตลอด ในการรับจ้างรื้อฟื้นคดี"นายอัจฉริยะ แฉ

logoline