ผู้นำทั้งสองยังถูกถ่ายภาพในขณะพูดคุยและจับมือกันในระหว่างงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ และจะหารือร่วมกันในวันนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือน5 ประเทศในอเชียของผู้นำสหรัฐฯ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เวียดนามและฟิลิปปินส์
แม้นโยบายทำสงครามปราบปรามยาเสพติดของดูเตร์เต จะจุดกระแสความไม่พอใจไปทั่วโลก แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการเยือนของทรัมป์ ผู้ได้ชื่อว่าแหวกประเพณีผู้นำคนก่อนๆ ด้วยการไม่ยกเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมากดดันผู้นำต่างชาติ ทั้งยังอ้าแขนรับพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการทำตัวสนิทสนมกับกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย, ประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ เอล ซิสซี่แห่งอิยิปต์
และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย โดยเฉพาะการเยือนเอเชียล่าสุด เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องสิทธิมนุษยชนตอนที่พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ด้วยเช่นกัน