อาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีภาคี 10 ชาติ ได้มุ่งเน้นบูรณาการและการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงการสร้างฉันทามติที่เรียกว่า "วิถีอาเซียน" ที่ส่งผลให้อาเซียนเติบโตอย่างไม่คาดฝัน โดยเป็นทั้งตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก และเป็นตลาดแรงงานใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก แต่เป้าหมายคือการเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ภายในปี 2573
เมื่อปีที่แล้ว ได้มีการสถาปนาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เพื่อสร้างตลาดเดียว และฐานการผลิตที่เอื้อต่อการร่วมมือทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด แม้จะได้ชื่อว่า เป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา สังคม การเมืองและมีความแตกต่างของระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจก็ตาม
อาเซียนได้ปรับตัวเพื่อให้ได้ประโยชน์จากกระบวนการโลกาภิวัฒน์ ด้วยการยอมรับประเทศที่เคยเป็นศัตรูอย่างเวียดนาม ลาว และประเทศที่มีปัญหาในประเทศ เช่น เมียนมาร์และกัมพูชา เข้าเป็นสมาชิก รวมถึงละทิ้งความขัดแย้งและความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมือง เปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น
อาเซียนมีประชากรรวมกันราว 625 ล้านคน คิดเป็น 8.8 % ของประชากรโลก โดยอินโดนีเซียมีประชากรมากที่สุด ราว 260 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของทั้งหมด และยังไม่มีทีท่าจะชะลอตัวลงง่ายๆ ตามด้วยฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 2 หลังเพิ่งทะลุ 100 ล้านคนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนไทยแม้จะยังเพิ่มขึ้นอยู่ทุกๆ ปี แต่เป็นไปอย่างไม่มากนัก ท่ามกลางการเดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
สมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่มีประชากรที่เข้าใจหนังสือมากกว่า 90 % โดยมีเพียงลาวและกัมพูชาที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะแตะ 80 % ในอีกไม่นานนี้ส่วนไทยเคยครองอันดับหนึ่งในปี 2553 ก่อนจะตกลงมาที่อันดับ 7 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
อาเซียนยังมีเป้าหมายที่ครอบคลุม เช่น การยกเลิกมาตรการที่มิใช่ภาษี การอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งพัฒนาเป็นความตกลงด้านการค้าสินค้า การจัดทำความตกลงด้านการค้า-บริการและการลงทุน ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าไปจัดตั้งธุรกิจหรือไปให้บริการในประเทศอาเซียนอื่นได้ง่ายขึ้น
อาเซียนยังถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว และหนึ่งในเป้าหมายคือ แม้ว่าจะมีอุปสรรคตอนที่ไทยประสบปัญหาทางการเมือง เมื่อปี 2557 ที่ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหดหายไป 3,500 ล้านดอลลาร์ และสูญเสียนักท่องเที่ยวราว 2 ล้านคน